หากมองในมุมของฝ่ายค้านต่อภาวะของรัฐบาลปัจจุบัน

ในขณะนี้ต้องถือว่าเป็นสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนได้ง่ายที่สุด

เพราะ...

1.ผู้นำรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ค่อนข้างจะมือใหม่หัดขับ ทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนไม่มากนัก

ถือเป็น “จุดอ่อน” รูใหญ่

แม้จะมี “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อคอยประคับประคองอยู่ข้างหลัง แต่ก็ช่วยในด้านอื่นได้เท่านั้น แต่ความเป็นตัวตนนั้นเป็นเรื่องยาก

หนําซํ้าด้วยความ “ทักษิณ” กลับสร้างปัญหาทั้งใหม่-เก่า เพิ่มขึ้นมาอีก แม้ด้านหนึ่งจะช่วยให้มีพลังที่จะทำให้ยืนหยัดอยู่ได้

แต่อีกด้านหนึ่งก็สร้างปัญหาซ้ำเติมเข้าไปอีก!

2.รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญคือเศรษฐกิจได้เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา

เพราะวันนี้รัฐบาลอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “ถังแตก” จะคิดอะไรก็ยากไปเสียหมด

3.ความขัดแย้งในรัฐบาลหลังจากที่ “ทักษิณ” ประกาศกลางวงสัมมนาพรรค “เพื่อไทย” ที่หัวหิน ทำให้บรรยากาศการทำงานร่วมกันคงยากขึ้น

“ทักษิณ” บอกว่าเป็นรัฐบาลต้องร่วมมือร่วมใจกันไปไหนไปกัน หากไม่ไปด้วยกันก็ “ออกไป” แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครและพรรคการเมืองไหน

แต่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคย่อมมีความรู้สึกไม่ต่างกัน

คือท่าทีที่ไม่อินังขังขอบกันนัก!

เพียงแต่ว่าทุกพรรคยังไม่พร้อมที่จะแตกหัก เพราะยังอยากเป็นรัฐบาลต่อไป แต่ถ้ามีเหตุที่ทำให้ร้าวไปมากกว่านี้

ก็พร้อมที่จะแยกทางได้เช่นกัน

4.รัฐบาลกำลังเจอกับแรงกดดันจากการเมืองนอกสภา โดยเฉพาะพวก “ขาประจำ” ที่ไม่ชอบ “ทักษิณ” เป็นทุนเดิม แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว

...

แต่ความรู้สึกชังกันยังมั่นคงกำลังก่อตัวด้วยการเปิดประเด็นเพื่อจุดกระแสการลงถนน หากจุดติดก็ทำให้รัฐบาลทำงานได้ลำบากมากขึ้น

เหล่านี้เป็นภาพกว้างที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่...

ในฐานะฝ่ายค้านพรรคประชาชนเป็นผู้นำ เพราะมีเสียงมากสุด และเป็นคู่แข่งทางการเมืองสำคัญของ “เพื่อไทย” ที่มี “ทักษิณ” เป็นหัวเรือ และประกาศที่จะต้องชนะเลือกตั้งปี 2570 ให้ได้

“ประชาชน” คือพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ก็มีเป้าหมายไม่ต่างกัน คือคาดหวังจะได้ สส. 270 เสียงขึ้นไป

พูดง่ายๆว่า 2 พรรคนี้จะต้องต่อสู้กันทุกวิถีทางเพื่อชิงโอกาสทางการเมืองในฐานะฝ่ายค้าน ที่รัฐบาลกำลังตกอยู่ในมุมที่ไม่ค่อยดีนัก

พรรคประชาชนจึงต้องอาศัยจังหวะนี้ เพื่อสร้างความโดดเด่น และความนิยมจากประชาชน และทำให้พรรคคู่แข่งอ่อนยวบลงไป

ช่องทางหนึ่งก็คือการเปิดศึกซักฟอกรัฐบาลเพื่อขยี้ซํ้าให้รัฐบาลตกตํ่าลงไป

เพราะนี่คือหนทางที่จะทำให้คู่แข่งหมดราคาไปตั้งแต่วันนี้ จึงจะทำให้โอกาสชนะการเลือกตั้งในปี 2570 มีมากขึ้น

เพราะถ้าปล่อยให้ “เพื่อไทย” ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้จนสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ก็คงเป็นเรื่องยากแล้วสำหรับพรรคการเมืองอื่นที่จะต่อกรได้

นี่ถือเป็นโอกาสทองของพรรคประชาชน

ที่สำคัญหากเล่นการเมืองแบบ “ค้านไม่จริง” อย่างที่ผ่านมานั้น ไม่มีทางที่จะเอาชนะ “เพื่อไทย” ได้อย่างแน่นอน

เพราะ “ทักษิณ” นั้นรู้เท่าทันว่าคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้คืออะไรมีจุดอ่อน–จุดแข็งตรงไหน?

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม