“วิโรจน์” เตือนรัฐบาล ระวังเมียนมานำเรื่องขออภัยโทษ 4 ลูกเรือประมง ใช้กล่าวอ้างว่าไทยยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเป็นน่านน้ำของเมียนมา
วันที่ 17 ธันวาคม 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย จับกุมลูกเรือประมงไทย 4 ชีวิต ไปควบคุมตัวไว้ที่เกาะสอง ว่า จากการให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทราบว่าจุดเกิดเหตุห่างจากเกาะพยาม ด้านทิศตะวันตก ประมาณ 5 ไมล์ทะเล ขณะที่เกาะพยามกับเกาะย่านเชือกห่างกันไม่ถึง 8 ไมล์ทะเล โดยพื้นที่เส้นเขตแดนของ 2 ประเทศทับกันอยู่บางส่วน ซึ่งเรียกว่าพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกัน
สถานการณ์ล่าสุดคือศาลเมียนมามีคำพิพากษาจำคุกลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน แต่ไม่ได้เป็นการพิพากษาให้เนรเทศออกนอกประเทศ ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมที่รวบรัดตัดตอนอย่างมาก ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 วัน ก็พิพากษาคดีแล้ว
“ต้องถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้เข้าให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและทนายความแก่ลูกเรือประมงไทยอย่างเพียงพอเหมาะสมหรือไม่ รัฐบาลไทยต้องตื่นตัว เร่งประสานเข้าให้ความช่วยเหลือลูกเรือด้านกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งควรประสานให้ครอบครัวของลูกเรือประมงไทยได้เข้าเยี่ยมที่เกาะสอง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต ยังมีสวัสดิภาพที่ดี”
นายวิโรจน์กล่าวต่อไป ล่าสุดทราบว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมดำเนินการขออภัยโทษให้กับลูกเรือประมงทั้ง 4 คนจากประเทศเมียนมา ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและระมัดระวังอย่างมาก หากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน หากเนื้อหาในหนังสือขออภัยโทษมีประโยคใดประโยคหนึ่งที่เข้าข่ายยอมรับว่าเรือประมงไทยได้รุกล้ำน่านน้ำของเมียนมา จะทำให้ในอนาคตเมียนมาจะใช้การขออภัยโทษในครั้งนี้มากล่าวอ้างได้ว่ารัฐบาลไทยยอมรับว่าพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนั้นเป็นน่านน้ำของเมียนมา และจะส่งผลกระทบอย่างมากในเรื่องเขตแดน การทำประมง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและใต้ทะเลของไทยในอนาคต ซึ่งการประชุมคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร สัปดาห์นี้ ตนจะเร่งทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศให้ทราบถึงข้อห่วงใยนี้โดยเร็วที่สุด.
...