ควันหลงจากงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน ด้านหนึ่งทำให้ลูกพรรคคึกคักฮึกเหิมขึ้นหลังจากที่เงียบเหงาซึมเซามานาน
เพราะ...“เพื่อไทย” ต้องไปเป็นฝ่ายค้านเสียหลายปีอีกทั้งเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศหลายปี
ไม่มีใครคิดว่าจะได้กลับมาคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง!
ด้านหนึ่งก็คิดว่าไม่มีทางได้กลับมาแล้วเพราะไม่มีเหตุใดมองเห็นความหวัง หลายคนในพรรคหมดหวังไปแล้ว
แต่อีกหลายคนเห็นว่าพรรคนี้น่าจะหมดอนาคตไปแล้วจึงออกไปแสวงหาอนาคตใหม่ ขณะที่อีกหลายคนมั่นใจอยู่ที่นี่ยังมีอนาคตต่อไปได้
นี่คือสภาพของ “เพื่อไทย” ก่อนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้กลับเมืองไทย
ดังนั้นใครตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนนานาจิตตัง แต่คนที่ตัดสินใจและเชื่อมั่นจึงเกิดความคึกคักและมองเห็นอนาคตใหม่
เพราะนอกจากแพ้เลือกตั้งเป็นอันดับ 2 แล้วยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลอีกเมื่อใด
แต่วันนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางโดย “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีโดยมีเจ้าของพรรคตัวจริงกุมบังเหียนอยู่ข้างหลัง
ความมั่นใจวันนี้คือทำให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมและเลือกตั้งปี 2570
ถือเป็นเดิมพันสำคัญที่ “ทักษิณ” จะนำพรรคไปสู่ความสำเร็จให้ได้ ดังนั้นจึงต้องปลุกเร้าลูกพรรคให้เกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเขา
ระหว่างทางก็ต้องแสดงศักยภาพให้เห็นว่าเขายังมีอิทธิฤทธิ์อยู่เหมือนเดิมและฟื้น “ระบอบทักษิณ” ให้คืนกลับมา
การเบ่งบารมีเริ่มขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและเก็บซับความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นบทเรียนโดยส่งผ่านไปยัง “ลูกสาวสุดที่รัก” ของเขา
...
การกำราบพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอย่างที่เขากระทำที่หัวหินนั้นก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ทุกคนได้เห็น
ว่าเขายังแน่นอนเหมือนเดิม...
แต่ไม่รู้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไรและมีปฏิกิริยา
อย่างใดตามมาแต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่เป็นเป้าหมายยังคงไม่กล้าแข็งขืนดูจากสิ่งที่แสดงออกคือต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาบางคนก็บอกว่าไม่สนใจเพราะเป็น “คนนอก”
แต่เขาสนใจนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการมากกว่า
ไม่มีใครกล้าชนแต่ต้องการทำงานร่วมกันต่อไปมากกว่า
แต่ที่มีจุดยืนชัดเจนและแน่นอนก็คือกลุ่มการเมืองนอกสภาหรือนอกเวทีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรเดิม กปปส. นักเคลื่อนไหวการเมืองที่อยู่ตรงข้ามแม้แต่คนเสื้อแดงเปลี่ยนจุดยืน
ได้มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการนัดกินข้าวร่วมกันแบบเป็นเนื้อหาเดียวกันเพื่อหารือที่จะเคลื่อนไหวต่อต้าน “ทักษิณ” อย่างเป็นรูปธรรม
เพราะพวกเขาเชื่อว่า “ทักษิณ” กำลังจะฟื้นระบอบของเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
นั่นทำให้การเมืองไทยวนสู่วงรอบเก่ากลับมาอีกครั้ง
ให้ดูปฏิกิริยาที่เริ่มต้นไว้แล้วจากการที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ได้ขีดเส้นตายให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในเรื่องเอ็มโอยู 44 ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา
เป็นระฆังยกแรกว่าจะจุดไฟบนท้องถนนติดหรือไม่
เป็นเข็มชี้วัดว่าการเมืองไทยข้างหน้าอนาคตจะไปทางไหน
ปีหน้าคงได้เห็นทิศทางที่ชัดเจนเพราะทุกอย่างถูกวางไว้บนวันเวลาที่จะต้องบรรจบกัน ทุกอย่างเป็นเงื่อนไข
ยิ่ง “ทักษิณ” อวดบารมีมากก็ยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมมาก!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม