ลุ้นพิสูจน์ผลงาน “พาคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี” บทโลกสวย “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างพิธีกรรมแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือน สาธยายนโยบายรัฐบาลที่จะเดินเครื่องสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม ปี 2568

แกะกล่องโชว์หลายโครงการใหม่ ทั้งการแก้กฎหมายให้ชาวบ้านขุดลอกคูคลองเอาดินไปขาย-โครงการบ้านเพื่อคนไทย ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท-การแก้ปัญหาหนี้รถ บ้าน ครัวเรือน-การปัดฝุ่นโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ส่งเด็กไทยไปเรียนต่อต่างประเทศ

ขายฝัน สร้างความหวังใหม่ ตีคู่ไปกับการสานต่อนโยบายอดีตรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” อาทิ การแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม การแก้ฝุ่นพิษ PM 2.5 การปราบยาเสพติด การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ลดค่าไฟ การนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน เก็บภาษีเข้าประเทศ

รีโนเวทของเก่า เนรมิตของใหม่ วางแผนให้ปี 2568 เป็นปีแห่งโอกาสของคนไทยทุกคน

ไฟต์บังคับด่วนจี๋ ต้องเร่งสร้างผลงานเข้าตาประชาชน ในช่วงที่ทีมตัวจี๊ดกำลังฮึ่มๆ โหมโรงปลุกอารมณ์มวลชน จ้องขนม็อบลงถนน จำเป็นที่รัฐบาลต้องสร้างเกราะคุ้มกันให้ตัวเอง

รู้จังหวะเรื่องที่ควรเร่ง อาทิ การแจกเงินหมื่นเฟสสองและสาม การแก้ปัญหาหนี้สิน ให้เห็นเงื่อนเวลาและรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

และเรื่องที่ควรเลี่ยง อย่างการตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (เจทีซี) ไทย-กัมพูชา เพื่อเดินหน้าเอ็มโอยู 44 เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ ลดการสร้างเงื่อนไขปลุกม็อบ การเบรกขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาอย่างรอบคอบ ลดอาการหัวร้อนคนไทย

ล่าสุดก็เพิ่งสับรางถอนร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกจากสารบบสภา

...

ลดแรงเสียดทาน เลี่ยงการประสานงากองทัพ ตามสัญญาณไม่ปลื้มเนื้อหากฎหมายสกัดรัฐประหารที่เข้าข่ายแทรกแซงกองทัพ

เพื่อไทยไปไม่สุดซอย เจอทหารยืนจังก้าขวางหน้า ต้องถอนร่างกฎหมายมาปรับปรุง แล้วค่อยเดินเข้าซอยใหม่ ขืนหัวชนฝาไม่ถอนร่างออกมา ถึงจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปได้ ก็อาจจอดป้าย ติดไฟแดงในชั้นวุฒิสภา

เผลอๆ ลามไปถึงการแก้ไขกฎหมายลูกฉบับอื่นๆที่อยู่ในสภาฯ ถูกหมั่นไส้ตามไปด้วย อาทิ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ขอแก้ไขริบดาบ ป.ป.ช.ไม่ให้มีอำนาจฟ้องเอง ในกรณีอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง

หรือร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ขอแก้ไขกำหนดเงื่อนไขความผิดคดียุบพรรค และปรับคำนิยามครอบงำพรรคให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงแก้ไขการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ไม่ให้ยึดคุณสมบัติเข้มข้นเหมือนคุณสมบัติการสมัคร สส.

ดันทุรังฉบับเดียว อาจพาติดหล่มตามมาอีกหลายฉบับ เสียหายกันยกใหญ่

เพื่อไทยเหยียบเบรกร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมจนหัวทิ่ม ไม่ท้ารบกองทัพ เพราะไม่มีแนวร่วมเคียงข้าง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่มีใครเล่นด้วย

ประเมินทิศทางลมแล้ว ต้องถอยกลับมาตั้งหลักใหม่ ไม่เปิดแนวรบเพิ่มจากศัตรูเดิมที่มีอยู่

เสี่ยงแรงต้านบานปลาย พาลกระทบถึงวาระสำคัญอื่นในสภาฯ สะเทือนไปเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล

จำเป็นต้องบาลานซ์อำนาจการบริหารประเทศ ให้เกิดความสมดุลทุกฝ่าย ทุกมิติ ทั้งในมุมการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง

คิวพิสูจน์ฝีมือ “นายกฯอิ๊งค์” ที่ต้องเร่งสร้างผลงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันรัฐบาล และคิวปาดเหงื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของลูกสาวอยู่ข้างหลัง

แม้ล่าสุดรัฐบาลจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น หลังจากแนวร่วมสำคัญ พรรคกล้าธรรมจ่อได้ สส.มาเติมในสังกัด หลังจากพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 20 สส. ปีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกจากพรรคอย่างเป็นทางการ

“ผู้กองนัส” ปลดแอกพลังประชารัฐสำเร็จ สส.ในสังกัดจ่อปักหลักพรรคใหม่ เป็นหลักแหล่ง

ทำให้พรรคกล้าธรรมมี สส.รวม 24 เสียง มีอำนาจต่อรองขึ้นเยอะ

ขาใหญ่เขี้ยวลากดิน ติดปีกอำนาจเต็มตัว ผู้กำกับบทอย่าง “ทักษิณ” ได้บาลานซ์อำนาจหนักกว่าเดิมแน่นอน!!!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม