ฉากทัศน์การเมืองใหม่แต่สาระก็ยังวนอยู่ในกรอบเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ขณะที่ตัวผู้เล่นก็ซํ้าหน้าเก่าเหมือนเคย
ไม่ว่าจะเป็น “ทักษิณ ชินวัตร”-“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”-“ประยุทธ์ ศิริพานิชย์”-“สนธิ ลิ้มทองกุล” และใครต่อใครอีกหลายคน
แต่ที่หน้าใหม่แต่มีบทบาทค่อนข้างสูง
ก็ไม่ใช่ใคร “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
วันนี้รัฐบาลที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว
กำลังฝ่ามรสุมปัญหาที่รุนแรงไม่น้อยจนทุกอย่างคล้ายกับการเมืองที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วจนทำให้รัฐบาลตกอยู่ในอาการ
น่าหวาดเสียวยิ่งนักหากเจอคลื่นซัดแรงๆ แก้ไม่ดีก็ไปไม่รอดเหมือนกัน
“สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร เปิดปฏิบัติการความจริงมีหนึ่งเดียวด้วยการไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล
ให้เวลา 15 วันแก้ไขให้เรียบร้อย!
ว่าด้วยเอ็มโอยู 44 ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย- กัมพูชา ที่ “สนธิ” บอกว่าเป็น “นายกฯทับนายกฯ” ให้รัฐบาลประกาศยกเลิกเอ็มโอยู 44
ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเอ็มโอยู 44 นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ได้ความอย่างไรรัฐบาลต้องเลิกลูกเดียว
ยืนยันด้วยว่าหากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้องก็จะนับหนึ่งลงถนนทันที
ประกาศด้วย “มีแต่ชนะ ไม่มีแพ้แน่นอน”
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะ “จุดติด” หรือไม่?
ตามมาติดๆก็คือการที่ สส. “เพื่อไทย” เสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมที่ “หัวเขียง” เคยเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อช่วย “ทักษิณ” พ้นผิดในสมัยที่ “ยิ่งลักษณ์” เป็นนายกรัฐมนตรี
...
เป็นกฎหมายที่ข่มขืนสภาให้ลงมติตอนตี 4 แม้จะผ่านสภามาได้ แต่ก็ยังไม่ทันประกาศใช้เพราะได้เกิดยึดอำนาจเสียก่อน
“นายกฯปู” ต้องหนีคดีลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
วันนี้ “หัวเขียง” เริ่มงานชิ้นโบแดงใหม่สดด้วยการเสนอกฎหมายให้แก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม เนื้อหาสาระสรุป
ก็คือ “นักการเมือง” ต้องใหญ่กว่า “กองทัพ”...
การเมืองสามารถเข้าไปล้วงลูกแต่งตั้งโยกย้าย “ทหาร” ได้
แม้ร่างกฎหมายนี้เสนอโดย สส.เพื่อไทย แต่ต้องให้พรรคเห็นชอบด้วย ซึ่งจะมีการพิจารณาในวันที่ 12 ธ.ค.67
ปรากฏว่า “กองทัพ” ไม่เห็นด้วย แม้ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยจากการทำประชาพิจารณ์
ที่สำคัญก็คือพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่เคยเป็นหัวหอกต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จมาแล้ว
เขาประกาศเสียงดังฟังชัดว่าไม่เห็นด้วย
ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาการ “ยึดอำนาจ” ได้
อยู่ที่นักการเมืองนั่นแหละ...ถ้าไม่โกงกิน ไม่เข้าเงื่อนไข “ทหาร” ก็ไม่มีเหตุผลที่ทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้
“นักการเมือง” นั่นแหละคือตัวปัญหา
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะกระทบกับ “อำนาจ” ที่ยึดครองประเทศไทยมาอย่างยาวนาน การที่นักการเมืองบุ่มบ่ามแบบนี้ไม่เกิดผลดีอย่างแน่นอน
หาก “เพื่อไทย” ยังดื้อดึงไม่หยุด
ได้รู้หมู่รู้จ่าแน่...งานนี้!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม