ช็อตฟีล กระตุกอารมณ์คนไทยที่ลุ้น “รัฐบาลซานตาฯ” แจกของขวัญปีใหม่
แต่กลายเป็นโดน “วางบิล” โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ส่งสัญญาณ “นำร่อง” มหกรรมถอนขนห่าน ดัน vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 15 อ้างอิงตามมาตรฐานสากล
เขย่าขวัญประชาชน ชาวบ้านที่ชินกับรับของแจกแลกของฟรี ผวาส่งท้ายปี
บรรยากาศเทศกาลแห่งความสุขถูกแทรกด้วยอารมณ์เติมทุกข์ชาวบ้าน รัฐบาล “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนสุดท้องตระกูลชิน เลยโดนด่ายับ กระแสต้านแผนปฏิรูปภาษีลุกพึ่บเป็นไฟลามทุ่ง
จังหวะโยนหินถามทาง แต่โดนก้อนหินหล่นทับเท้าจังเบอร์
ในอารมณ์ที่ทีมเพื่อไทยต้องไล่ดับเพลิง อุดชนวนกันจ้าละหวั่น แบบที่ น.ส.แพทองธารต้องเรียกประชุมด่วนทีมกุนซือเศรษฐกิจบ้านพิษฯ เทกแอ็กชันโชว์ “กระทืบเบรก” ยืนยัน ไม่มีการขึ้นแวต 15 เปอร์เซ็นต์
ปัดเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังต้องกลับไปคิดทบทวนให้ชัดเจนก่อน
แต่ที่ฟ้องอาการหูตาเหลือก ปัดเผือกร้อนลวกมือก็คือฟอร์มของนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่โบ้ยดื้อๆการขึ้นภาษีแวต ไม่ได้เป็นแนวคิดของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ต้น
แกล้งลืมไปเลย ต้นคิดคือ “นายใหญ่” การรื้อโครงสร้างภาษีทั้งระบบเป็นไฮไลต์ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน เดินสายโชว์กึ๋นเวทีเศรษฐกิจ แล้วพรรคเพื่อไทยก็ลอกเป็นนโยบายแถลงต่อรัฐสภา
ไปๆมาๆส่อโยนบาปให้ “ขุนคลัง” โดนเชือด ตายเดี่ยว
แต่เหมือนจะไม่ทันกาล เพราะในทางการเมือง ถือว่ารัฐบาลเพื่อไทยเสียเชิง เสียกระบวน บ้อท่าบริหารระบบการคลัง ชักเข้า ชักออก ตอกย้ำหลงเหลี่ยมเชิงบริหารการเงินที่ดื้อดึงดันเปิดศึกกับแบงก์ชาติ
...
“ขุนคลัง” ระดับ “แบงก์พัน” พลาด แต่ให้ สส.แค่ “แบงก์ยี่สิบ” ไล่เคลียร์
“เครดิตความเชื่อมั่น” มันยิ่งผันผวนตาม “ลูกมั่ว”
และเหมือนจะเป็นห้วงอาถรรพณ์ “ผีผลัก” ของรัฐบาล ในจังหวะสังคมตื่นกลัวยุทธการถอนขนห่าน ภาวะเศรษฐกิจปากท้องอยู่ในภาวะลูกผีลูกคน กระแสต้านการขึ้นภาษีแวตร้อนเป็นไฟลามทุ่ง
มันยังมีช็อตอันตรายยิ่งกว่าจุดเสี่ยง “ไฟลัดวงจร” ที่น่าหวาดเสียว
ตามจังหวะ “หัวเขียง” ชวน “ทัวร์สุดซอยรอบใหม่” นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นำทีมเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551
กระตุก “หัวเกรียน” เป่าแตรเรียกแถวพรึบพรับ
รับธงการเมืองบุกรื้อองค์ประกอบของคณะกรรมการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ขีดเส้นใต้ตรง “ให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล”
ชงสิทธิ ครม.มีเอี่ยวในการจัดโพยขุนทหาร ตั้งแม่ทัพนายกอง
แถมยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้นายทหารชั้นสัญญาบัตรที่ก่อการกบฏหยุดปฏิบัติหน้าที่
ดักสกัดรถถัง ป้องปรามเกมปฏิวัติล้มกระดาน
อีกทั้งให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานสภากลาโหม และให้หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าเป็นสมาชิกสภากลาโหมเพิ่มเติม ตัดตำแหน่งสมาชิกสภากลาโหมบางตำแหน่งที่เห็นว่าไม่จำเป็น โดยความเห็นของคณะรัฐมนตรี
โดยเติม “อธิบดีกรมบัญชีกลาง” ตัวแทนฝ่ายพลเรือน แทรกตัวไปอยู่ในดงท็อปบูต เพิ่มเสียงของฝ่ายการเมืองไปถ่วงดุลกองทัพ
กรุยทางฝ่ายการเมืองมีเอี่ยวตั้งขุนทหาร โดยเฉพาะการวางคิว “5 เสือ ทบ.”
พรรคเพื่อไทยตีธงบุกสุดซอย “เวนคืน” พื้นที่อำนาจ รุกคืบ “เขตทหารห้ามเข้า”
หวังล้างอาถรรพณ์ผู้นำตระกูลชินวัตร ที่โดนรัฐประหารล้มกระดานมาแล้ว ทั้งในยุคพ่อคือนายทักษิณ และ “อาปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่ยังกล้าท้าจุดเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร ช็อต “นายกฯแพทองธาร”.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม