“อี้ แทนคุณ” สวน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ถ้าฟ้องมา พร้อมฟ้องกลับ บอก เจอกันในศาล จะได้แฉข้อมูลทั้งหมด ลั่น ไม่เคยตบทรัพย์ใคร แง้ม กุมความลับเพียบ มีข้อมูลไหลมาเยอะมาก


วันที่ 9 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม ดารานักแสดง ที่ระบุว่าจะฟ้องนักร้องเรียนที่พูดว่า นายรัฐภูมิ ทำธุรกิจบาป ทำให้เสียชื่อเสียง ซึ่งอาจจะเป็นนายแทนคุณได้ ว่า เรื่องนี้มีข้อมูลพยานหลักฐานและผู้เสียหายจริง นายรัฐภูมิ ก็ถือเป็นนักการเมืองในช่วงเวลาดังกล่าว ตามกฎหมายหากเราวิจารณ์โดยสุจริตบนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้มีความเกลียดชัง และขณะที่นายรัฐภูมิ โทรศัพท์มาคุยกับตนก็ยังพูดจากันดี สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดตัดของคดีฉ้อโกงที่ จ.ตรัง คือเขาพูดว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งทางผู้เสียหายยืนยันว่าอัยการยังไม่ได้สั่งอย่างหนึ่งอย่างใด ถ้านายรัฐภูมิจะฟ้องตน ตนก็ต้องต่อสู้ว่า เขาให้ข้อมูลเท็จในเรื่องอัยการต่อสาธารณะเช่นกัน

“การที่นายรัฐภูมิให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่บอกว่า เขาไปร่วมด้วยมีภาพขึ้นเครื่องบิน ผมก็มีหลักฐานตรงนั้นอยู่ด้วย ซึ่งผมไม่เคยกล่าวหาเขาว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการหรือไม่ ดังนั้น หากผู้เสียหายรู้สึกว่าเป็นการกระทำร่วมกันก็เป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายในการต่อสู้ และเป็นสิทธิ์ในการสื่อสารมาที่ผม ถ้าจะฟ้องก็ต้องเป็นเรื่องที่นำข้อมูลทั้งสองฝ่ายมาเปิดเผย ซึ่งเป็นข้อดีในการขึ้นเบิกความต่อศาล ข้อมูลต่างๆ ต้องเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น จะไม่เหมือนกับการให้สัมภาษณ์ หรือการแก้ต่างข้างนอกศาล ที่จะพูดอะไรก็ได้ เพราะการพิสูจน์มันยาก แต่ถ้าพูดในศาลแล้วมีข้อมูลที่หักล้างไม่ได้ เช่น ผมมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ใครทำอะไร แต่ผมก็ยืนยันว่า ไม่เคยไปกล่าวหาเขาว่าเป็นคนที่ทำด้วย แต่เป็นในลักษณะที่พี่ชายเป็นคนชักชวน และเขาก็ยอมรับว่าเขาไป ดังนั้น เราจะได้นำพยานหลักฐานและผู้เสียหายไปยืนยันในศาลตามข้อเท็จจริง”

...

นายแทนคุณ กล่าวต่อไปว่า คำเบิกความจะถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ถ้าเป็นการเบิกความเท็จต่อศาล ก็จะเป็นประเด็น ยืนยันว่าตนยังมีใจรักที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบ ตอนนี้มีข้อมูลไหลมาเยอะมาก ทั้งตัวนายรัฐภูมิก็ดี และนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช หรือ ทนายประมาณ ซึ่งจริงๆ แล้วกับทนายประมาณ ก็คุ้นเคยนับถือกันมา แต่จากนี้ไปถ้ามีประเด็นต้องไปต่อสู้กันในศาล ตนไม่บ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธ และว่ากันด้วยข้อเท็จจริง ตอนนี้มีอีกหลายข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกเสริมความงามที่จะได้ข้อมูลอีกชุดหนึ่ง แต่จะไม่เปิดเผยจนกว่าถ้าเขาฟ้องมา ตนก็จะให้พยานประมาณ 7 คน ทั้งเรื่อง ออสซี่ออยล์ จ.ตรัง, เหรียญ AFIN (AFIN Coin) มาเป็นพยานยืนยันว่าการที่ตนพูดไปอยู่บนข้อเท็จจริงมีพยานหลักฐาน และพยายามระมัดระวังที่จะให้โอกาสในการสื่อสารอย่างประนีประนอมที่สุด

ทั้งนี้ การไปพูดในลักษณะที่ว่าตนมั่ว ยืนยันว่าตนไม่เคยมั่ว ที่สำคัญตนไม่มีพฤติกรรมตบทรัพย์แน่ และไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากใครแม้แต่บาทเดียว เชื่อว่าถ้าขึ้นศาลจริงก็มีพยานหักล้างมากพอ และจะฟ้องกลับทุกกรณี รวมถึงการที่เขาพูดในทำนองว่าตนไปเอี่ยวกับเงิน 60 ล้านบาท ในเคส จ.ตรัง ที่บอกว่าอัดเสียงไว้เหมือนกัน จึงจำเป็นต้องเปิดเผยออกมาให้ดูว่าไม่มีอะไร ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยพูดว่าเงิน 60 ล้านบาทไปไหน แต่ตนรู้ว่าไปไหนและจะเก็บเป็นข้อมูลสำคัญ และตนยังกุมความลับอีกหลายเรื่อง ทั้งตัวนายรัฐภูมิ และอาจารย์บางท่านที่เคยนับถือ แต่จากนี้ไปคงหมดความนับถือแล้ว และคงต้องสู้กลับ.