ก็เบรกกันหัวทิ่ม หลังจากที่ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ได้เปิดเผยแนวคิดของรัฐบาลที่จะ “เพิ่มภาษีบริโภค” หรือ “เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” จาก 7% เป็น 15% โดยให้เหตุผลว่าทั่วโลกก็เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 15-25% ขณะเดียวกันก็จะ “ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลงมาเหลือ 15%” จากปัจจุบันที่เก็บเป็นขั้นบันได 20–35% ทำให้คนรวยคนจนเสียภาษีเท่ากันหมดคือ 15% จากเดิมผู้มีรายได้เกิน 5 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุด 35% และ “ลดภาษีนิติบุคคลลงมาเก็บขั้นตํ่า 15%” ตามหลักการของ OECD จากปัจจุบันที่เก็บ 20%

แนวคิด การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม มีมาทุกรัฐบาล เพราะรัฐบาลเก็บภาษีได้ไม่พอใช้จ่าย แต่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าขึ้น เพราะคนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ “คนจน” และ “ชนชั้นกลาง” ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินมาใช้ทุกปี จนมีหนี้กว่า 11 ล้านล้านบาท เกือบชนเพดาน 70% การแจกเงินหาเสียงของรัฐบาลเพื่อไทย ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้งบไม่พอใช้

แน่นอนว่า แนวคิดการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ได้รับเสียงค้านอย่างหนัก จน นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ต้องเรียกประชุมด่วนที่ปรึกษาบ้านพิษฯ และรัฐมนตรีคลัง แล้วโพสต์ชี้แจงว่า 1.ไม่มีการปรับ VAT เป็น 15% 2.กระทรวงการคลังกำลังศึกษาการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งต้องมองทั้งระบบให้ครบทุกมิติและเป็นธรรม เพื่อลดความเหลื่อมลํ้า และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3.การปรับโครงสร้างภาษีประเทศอื่นๆ ใช้เวลาศึกษาและปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางประเทศใช้เวลาปรับเปลี่ยนกว่า 10 ปี 4.นโยบายหลักของรัฐบาลคือ ลดรายจ่ายของประชาชน ลดรายจ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการหาโอกาสจากการสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชน ทั้งหมดนี้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนค่ะ

...

ตีความตามโพสต์ของ นายกฯแพทองธาร การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม คือการเพิ่มรายจ่ายให้ประชาชน ทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น ขัดต่อนโยบายหลักของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลขึ้นภาษีเป็น 15% รายจ่ายของประชาชนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 8% แต่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น มีแต่หนี้สินที่เพิ่มขึ้น การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงนี้ จึงไม่เหมาะสมทุกประการ

จากข้อมูลของกรมสรรพากร ปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้ 11 ล้านคน แต่มีผู้เสียภาษีจริง 4 ล้านคน เพราะผู้มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 28,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี ตัวเลขนี้พูดมาเป็นสิบปีแล้ว ทั้งที่กรมสรรพากรได้ประกาศใช้ “เลขบัตรประชาชน” เป็น “เลขประจำตัวผู้เสียภาษี” คนที่มีอายุ 15 ปีต้องมีบัตรประชาชน ทำไมกรมสรรพากรจึงไม่เอาเข้ามาอยู่ในระบบภาษีโดยอัตโนมัติ ทุกปีก็เก็บภาษีจากคน 4 ล้านคนที่กลายเป็น “เดอะแบก” ของประเทศนี้ คนรวยและมหาเศรษฐีไทยที่มีมากมายจนติดอันดับโลกทุกปี เสียภาษีกันปีละเท่าไหร่ ถ้าเสียภาษีตามรายได้จริงที่รวยขึ้นทุกปี ภาษีเงินได้ก็ควรเพิ่มขึ้นทุกปี ทำไมไม่ไปตามเก็บ กลับมาไล่บี้แต่ “เดอะแบก 4 ล้านคน” ที่จ่ายภาษีให้ชาติทุกปี

ที่ฟังแล้วต้องอึ้ง คุณศิริกัญญา ตันสกุล สส. รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ใน จำนวนผู้เสียภาษีเงินได้ 4 ล้านคน มีผู้เสียภาษีในอัตราสูงสุด 35% เพียง 40,000 คนเท่านั้น ดังนั้น ทางหนึ่งที่รัฐบาลจะเก็บภาษีได้เพิ่มโดยไม่ต้องรังแกคนจน ก็คือ ปฏิรูปการเก็บภาษีคนรวย ตั้งแต่ สินค้าฟุ่มเฟือย บ้านหรู รถยนต์หรู นาฬิกาหรู เป็นต้น

ผมเห็นด้วยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ แต่ต้องปฏิรูปให้เกิด “ความเป็นธรรม” และ “ลดความเหลื่อมล้ำ” ไม่ใช่ “ลดภาษีคนรวยแต่ขึ้นภาษีคนจน” ประชาชนจะอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้ และประเทศก็จะอยู่ไม่ได้.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม