“จุลพงศ์ อยู่เกษ” อัด รฟท. - กรมที่ดิน ต่างคนต่างยื้อกรณี “เขากระโดง” ให้ยืดยาว ใช้เป็นเกมต่อรองการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ บอกเหลืออด “พิชัย” ประกาศขึ้น VAT 15%
วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ จุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม และกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย โดยจุลพงศ์ระบุว่ากรณีข้อพิพาทดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในทางที่ว่ากำลังมีการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง หรือกำลังมีการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองของสองพรรคใหญ่ในรัฐบาลขณะนี้ พร้อมตั้งคำถามถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และกรมที่ดิน ที่ย่อมทราบดีว่าต้องวนอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง ว่าเหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของ รฟท. ที่ครบถ้วนและที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ทำไมไม่ยื่นเอกสารชุดเดียวกันนั้นต่อคณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดิน จนมติของคณะกรรมการสอบสวนอ้างได้ว่า รฟท. ไม่มีเอกสารแนวเขตที่ถูกต้องมาแสดง หาก รฟท. หาเอกสารดังกล่าวไม่พบจริงตามที่เจ้าหน้าที่ รฟท. ได้ตอบในที่ประชุมคณะกรรมาธิการที่ดินฯ ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน แล้วเอกสารที่อ้างในศาลนั้นหายไปไหน หายไปเมื่อไหร่ สมัยใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และทำไม รฟท. จึงไม่เลือกวิธียื่นฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครอง เพื่อให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดในพื้นที่ 5,083 ไร่ เมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษาตามคำขอแล้ว กรมที่ดินก็ย่อมทำได้แต่เพียงเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเหล่านั้น ไม่มีอำนาจมาตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นอีก รฟท. ก็ไม่ต้องฟ้องขับไล่คนในพื้นที่ดังกล่าว และจะให้เช่าหรืออย่างไรก็ว่ากันไป ทำไม รฟท. จึงเลือกใช้วิธีที่นานและวนเวียนเช่นนี้ หรือ รฟท. ดึงเรื่องไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใดหรือไม่
...
นอกจากนี้ ตนยังมีคำถามถึงกรมที่ดิน ว่าทำไมจึงมีการเพิกถอนโฉนดและกรรมสิทธิ์ที่ดินของชาวบ้านบางแปลงโดยใช้อำนาจอธิบดีกรมที่ดิน แต่บางแปลงกลับใช้วิธีตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทำไมถึงมีการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกัน และจริงหรือไม่ที่ที่ดินตามโฉนดที่ระบุในคำสั่งคณะกรรมการสอบสวนล่าสุด ที่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตามมติคณะกรรมการไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์นั้น ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งของสนามแข่งรถใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่เจ้าของที่ดินเกี่ยวข้องกับนักการเมืองระดับชาติ
“นี่เป็นคำถามที่ทั้งสองหน่วยงานต้องตอบให้ชัดเจน กรณีที่ดินเขากระโดงเป็นตัวอย่างของการใช้ช่องว่างทางกฎหมายและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่ว่าท่านจะถูกสั่งให้ทำหรือจงใจทำเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ แต่หากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อใด คนที่จะได้รับผลร้ายคือข้าราชการกรมที่ดินและเจ้าหน้าที่ของการรถไฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน เราจะติดตาม ตรวจสอบ และตั้งคำถามกับฝ่ายบริหารต่อไป” จุลพงศ์กล่าว
เหลืออด “พิชัย” ประกาศขึ้น VAT 15%
ต่อมาเมื่อเวลา 13.40 น. ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง พูดเรื่องขึ้น VAT 15% ว่า ตนเหลืออดจริงๆ เป็นการเพิ่มภาระประชาชนคนรายได้ปานกลางจนถึงผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมากถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ท่าน รมว.คลัง หยุดพูดเรื่องนี้ และศึกษาอย่างรอบคอบถ้าจะปฏิรูปภาษี ก็ปฏิรูปทั้งระบบ ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเพราะอะไร เพราะต้องการหารายได้เพิ่มหรือไม่ เพราะรัฐบาลสิ้นคิดในการหารายได้หรือไม่ หากขึ้นภาษีมาแล้ว จะวนกลับมาใช้ประโยชน์กับประชาชนอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แถลงไป 2-3 เดือนแล้วก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เหมือนกับโครงการที่ผ่านมา ขึ้นจาก 7 เป็น 15% ทุกคนมีผลกระทบ จะขึ้นจริง ไม่จริงไม่ทราบ แต่การพูดเรื่องภาษี ขึ้นเงินเดือนขึ้นมาล่วงหน้าทุกอย่าง ไม่ว่าสินค้าและบริการ ขึ้นราคาล่วงหน้ารอแล้ว ส่วนที่นายกฯ ประกาศว่าจะไม่มีการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วนั้น เป็นการแสดงตัวอย่างหนึ่งว่ายังไม่มีการศึกษาอะไรเลย และระดับ รมว.คลัง นึกจะพูดอะไรก็พูดออกมา ลองนึกดูถ้ารัฐมนตรีแต่ละคนพูดไม่เหมือนกัน มันไม่น่าใช่วิธีการบริหารเศรษฐกิจของประเทศที่ดี