“พ.ต.อ. ทวี” ให้หน่วยงานตรวจสอบแล้ว ปมผู้ต้องขังถูกรีดไถเงินอ้างช่วยพ้นโทษ มีทนายและผู้คุมร่วมขบวนการเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ย้ำยึดหลักกฎหมาย คาดสิ้นปี 67 นำร่องผู้ต้องขังล็อตแรกคุมขังนอกเรือนจำ
วันที่ 4 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังถูกหลอกเรียกเงินโดยอ้างว่าจะช่วยให้พ้นโทษเร็วขึ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยมีทนายและผู้คุมร่วมขบวนการนั้น
พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนให้หน่วยงานตรวจสอบเรื่องเจ้าหน้าที่เรียกตบทรัพย์ที่ปรากฏตามข่าวแล้ว และอยากรับข้อมูลจากประชาชนด้วย เพราะเรื่องบัตรสนเท่ห์บางหน่วยงานอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่เรายังไม่สามารถสร้างความมั่นใจและให้ความคุ้มครองต่อผู้ให้เบาะแสหรือพยานได้ ดังนั้นเมื่อมีข่าวออกมาก็ต้องตรวจสอบ และอย่าเพิ่งไปด้อยค่าคนที่มาร้องเรียน อย่างน้อยที่สุดในหน่วยราชการจะได้ไปปรับปรุงตัว
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันลงไปตรวจสอบแล้ว หากไม่ไว้ใจหน่วยงานเราก็จะส่งคนกลางลงไปดูเรื่องนี้ อาจมอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมซึ่งมีความตรงไปตรงมาลงไปดูเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงถึงระดับรัฐมนตรีและอธิบดีนั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า อยากให้คนที่ร้องเรียนมีความเชื่อมั่น ถ้ามาร้องเรียนกับตนแล้วไม่ทำให้ ก็สามารถมาร้องเรียนตนต่อได้อีก เพราะตอนนี้สังคมเปิดแล้ว ยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมต้องยึดกฎหมายและเราต้องไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมย้ำว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะบุคคลที่ถูกร้องเรียนก็มีสถานะเป็นผู้ต้องขังเหมือนกันกับผู้ร้อง
...
พ.ต.อ. ทวี กล่าวต่อว่า เรือนจำทั่วประเทศมีทั้งเป็นเรือนจำที่คุมขังผู้ต้องขังเด็ดขาดและผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ดังนั้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจึงเป็นเหมือนสนามปราบเซียนของผู้บัญชาการเรือนจำ เพราะเป็นเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี และการที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี เขายังสู้คดีได้ ญาติและทนายเยี่ยมได้ แต่ถ้าเรือนจำเด็ดขาดคือผู้ต้องขังเด็ดขาดที่มีคำพิพากษาของศาล ต้องได้รับการพัฒนาอาชีพและทักษะ และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเรื่องการพักโทษ
ส่วนประเด็นความคืบหน้าของระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ พ.ต.อ. ทวี เปิดเผยว่า อยู่ในกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งยังไม่ได้มีการใช้ทันที เพราะต้องจัดทำระเบียบ แนวทางการปฏิบัติ และกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขัง ซึ่งจะต้องรองรับระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ และคิดว่าหลักเกณฑ์ควรเปิดกว้างให้ประชาชนรับรู้ด้วย จึงควรไปทำประชาพิจารณ์ ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษา
แต่หลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว เวลาจะบังคับใช้นั้น หากโทษเหลือน้อย เป็นนักโทษชั้นดี ได้ทำงานและฝึกอาชีพ, ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย, ผู้ต้องขังเจ็บป่วยร้ายแรง, ผู้ต้องขังสูงอายุที่พิจารณาแล้วว่าไม่ก่อเหตุเพิ่ม, ผู้ต้องขังที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ก็อยู่ในกลุ่มที่เข้าข่ายพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นการลงโทษประเภทหนึ่ง แต่เป็นการคุมขังอีกสถานที่หนึ่ง โดยจะให้แต่ละเรือนจำไปออกกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม
สำหรับผู้ต้องขังล็อตแรกที่มีสิทธิได้ใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ คาดว่าสิ้นปีนี้อาจได้เห็น เพราะต้องรอให้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและทดลองนำร่องบังคับใช้ อย่างน้อยถ้าผู้ต้องขังคนนั้นป่วยมะเร็งก็ได้ไปพักรักษาอยู่ที่บ้านพร้อมครอบครัว