หัวใจทำด้วยก้อนเนื้อ เมื่อนอตหลุดก็ได้ฟัดกันน้ำบาน
อารมณ์ยอมซะที่ไหน อาการแบบที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ โพสต์โซเชียลฯ “ความคิดในเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงในตัวคุณ คนที่ไม่มีความมั่นคงมักดูถูกคนอื่นเพื่อยกระดับตัวเอง”
ลอยๆนิ่มๆแต่แฝงความเกรี้ยวกราด จังหวะฟาดกลับขบวน “ทัวร์ลง” โต้กลับกระแส “ดราม่า” เสียงโห่ผู้นำหญิงที่อ้างอิงสถานะ “สะใภ้เมืองคอน” การันตีความรักคนใต้ไม่ได้ละเลย ทอดทิ้งคนแดนสะตอเผชิญน้ำท่วมใหญ่
บท “ใจถึงใจ” ดันถูกตีความเป็นความอ่อนด้อยเชิงบริหารภัยพิบัติ
โดนรุมอัด กระตุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผิดคิว คนละเรื่อง โดยเฉพาะช็อตเข้าตากรรมการของ “ลิซ่า” ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ตัวจี๊ดค่ายประชาชน สาวสงขลา ที่ถามดังๆ “พี่น้องคนใต้รู้สึกพันพรือมั้ยกับคำตอบนี้”
ยกตัวอย่างเทียบกับผู้นำมาเลเซียที่รับมือน้ำท่วมใหญ่อย่างเป็นระบบ
ตบท้ายนิ่มๆแต่แสบลึก เชื่อว่าประชาชนไทยทุกคนเห็นความน่ารัก ความอบอุ่นครอบครัวนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว เพราะมีการแพร่กระจายไปทุกช่องทาง แต่เรื่องราวเหล่านี้เก็บไว้ที่บ้านเถอะ ประชาชนไม่ได้คาดหวังจะเห็นสิ่งเหล่านี้ เท่ากับการทำหน้าที่ต่อสาธารณะอย่างมืออาชีพเสียที
เจอสาวใต้ตัวจริงหักอารมณ์สะใภ้เมืองคอนจังเบอร์แบบนี้ ก็เข้าใจได้ในความเป็น “เมีย” และ “แม่” ภาพผู้นำสาวที่โปรโมตความน่ารักของครอบครัว ก็ต้องฟิวส์ขาดเป็นธรรมดา
เรื่องของเรื่อง ไม่ว่าจะยังไงก็ยากที่จะกู้สถานการณ์การเมืองในพื้นที่อ่อนไหว “ปักษ์ใต้ไม่ใช่บ้านเรา” สำหรับตระกูลชินและพรรคเพื่อไทย
...
แต่โดยธรรมชาติกระแสดราม่าน้ำท่วมใต้ เดี๋ยวน้ำลดก็จางหายไป
จุดวิกฤติท้าทายรัฐบาลเพื่อไทยและผู้นำหญิงคนสุดท้องตระกูลชินจริงๆมันอยู่ที่แนวรบด้านตะวันตก ที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีปฏิบัติการทางทหาร กองทัพเรือเมียนมากราดยิงใส่เรือประมงไทยด้านจังหวัดระนอง อ้างการบุกรุกหาปลาในเขตทับซ้อนทางทะเล ลึกเข้าไปในแดนพม่า
เล่นแรงถึงตาย ยึดเรือ จับชาวประมงไปขัง
ล้อไปกับตะวันตก ทางด้านเหนือ กองกำลัง “ว้าแดง” ตั้งฐานปฏิบัติการ ขยายเขตแดนรุกล้ำประจันหน้าทหารไทย เงื่อนไขสถานการณ์ถึงจุดที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้องวางคิวขึ้นไปตรวจฐานปฏิบัติการทหารบ้านนอแล บนดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
แต่เจออากาศปิด เฮลิคอปเตอร์สั่นเป็นเจ้าเข้า ลงจอดไม่ได้ ต้องยกเลิกภารกิจ ไม่ได้ตรวจพื้นที่จริง
และจุดอ้างอิงจาก รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิศาสตร์ศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านพม่าโดยตรง
ฟังธง สภาพจริงตรงชายแดนฐานนอแล จับสัญญาณการขยายอิทธิพลของ “ว้าแดง” เป็นเรื่องที่รัฐบาลและสังคมไทยต้องคิดถึงยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศแบบใหม่ ในอนาคตอันใกล้นี้
แนวรบด้านตะวันตกชายแดนเมียนมา บทพิสูจน์ผู้นำตระกูลชินที่ถูกจับจ้องปมผลประโยชน์ทางธุรกิจที่โยงใยกับรัฐบาลเผด็จการทหารหม่อง ครั้งหนึ่งนำมาซึ่งข้อหาทุจริต เหตุยึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน
งานนี้จะเล่นบทบู๊ ขึงขังตึงตัง สมจริงสมจังแค่ไหน ในจังหวะที่ชายแดนด้านตะวันออกก็ถูกล็อกเป้าจับตา ทั้งจากสังคมโลกและสังคมในประเทศ
โฟกัสที่ความเคลื่อนไหวเร้นลับซับซ้อนกับฝั่งกัมพูชา
ปรากฏการณ์ล่าสุด แบบที่รัฐสภาอาเซียนออกแถลงการณ์ “ประณาม” ไทยส่งตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้เห็นต่างกับ รัฐบาลเผด็จการตระกูล “ฮุน” กลับถูกดำเนินคดีที่ประเทศกัมพูชา ละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับสากลอย่างรุนแรง
หนีไม่พ้นโยงสายสัมพันธ์เชิงลึกระหว่าง “ตระกูลฮุน” กับ “ตระกูลชิน”
จังหวะต่อเนื่องกับปมร้อนเมกะโปรเจกต์ยักษ์ โครงการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย-เขมร เดิมพันมหาศาลทางเศรษฐกิจและอำนาจการเมือง
กลายเป็นเรื่องระดับโลกปมละเมิดสิทธิมนุษยชน วนอยู่กับสองตระกูล.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม