คิดได้ หวังได้แต่ความจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งเป็นอนาคตการเมืองของพรรคการเมืองใหญ่ที่มีโอกาสจะคว้าชัยเป็นอันดับ 1
ไม่ว่าจะเป็น “เพื่อไทย”-“ประชาชน”-“ภูมิใจไทย”
เพราะองคาพยพทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว
แม้แต่ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งปกติจะเป็นคนที่ชอบเกทับบลัฟแหลกคู่ต่อสู้ก็ยังไม่กล้าที่จะประกาศว่า “เพื่อไทย” จะแลนด์สไลด์หรือ 200 เสียงขึ้นไป
เขาบอกเพียงว่าหวัง 200 เสียงขึ้นไป
หรือ “ประชาชน” นั้นต้องขอให้สูงไว้ก่อนเพราะพรรคการเมืองอื่นคงไม่อยากร่วมเป็นรัฐบาลผสมด้วย
บอกว่าขอ “270 คน” ขึ้นไป จะได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
“ภูมิใจไทย” มักน้อยขอแค่ 100 เสียงขึ้นไป ซึ่งมากกว่าที่เคยได้ 70 กว่าเสียงก็พอแล้ว
นี่เป็นความจริงทางการเมือง...
ส่วนพรรคอื่นยังไม่มีพรรคไหนประกาศว่าจะได้จำนวนเท่าใด เพราะการเป็นพรรคเล็กและโอกาสที่จะได้ สส.มากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากจริง
วันนี้มีส่วนร่วมในสนามแข่งขันก็พอแล้ว
“เพื่อไทย” ได้ สส. จำนวน 141 ที่นั่ง เป็นอันดับ 2 จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา อย่าพูดว่าทำไมไม่ได้มากกว่านี้
แค่เป็นพรรคอันดับ 2 ก็เสียหน้าไปมากโขอยู่แล้ว
สนามเลือกตั้งภาคอีสานซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรค แม้จะเป็นอันดับ 1 แต่จำนวนก็น้อยลงมากเพราะถูกภูมิใจไทย ประชาชนแย่งชิงไปไม่น้อย
ยิ่งพื้นที่ที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำอย่าง กทม. ปริมณฑล ภาคกลาง ตะวันออกที่เคยกวาดมาหมด กลับถูก “ก้าวไกล” แย่งชิงไปเป็นจำนวนมาก
แม้กระทั่งภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย ก็โดนแซะไปเช่นเดียวกัน
...
ตัวเลขเหล่านี้ “ทักษิณ” คงกลับไปนอนคิดอยู่หลายตลบ ก่อนจะตัดสินใจออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังจากซ่อนตัวเงียบอยู่นานพอสมควร
การเดินทางไปเปิดตัวและหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรฯ จึงเป็นก้าวย่างสำคัญทางการเมืองเพื่อช่วงชิงพื้นที่ภาคอีสาน
อันเป็นความหวังที่จะชนะเลือกตั้งได้
เพราะพื้นที่อื่นๆไม่แน่เสียแล้ว!
17 ปี ที่ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ การเมืองไทยได้เปลี่ยนไปมากพอสมควร การก่อเกิดพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ อุดมการณ์ใหม่
ทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ “ภูมิใจไทย” ก็เติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากประกาศตัวที่อุดรฯ ว่าเขากลับมาแล้ว จึงเป็นจุดที่กระตุ้นให้ลูกพรรค “เพื่อไทย” ตาหูสว่างและตื่นตัวได้แล้วว่าจะอยู่นิ่งๆกินบุญเก่าไม่มีแล้ว
ต้องเดินหาชาวบ้านเรียกเสียงเรียกคะแนนและความนิยมให้คืนกลับมาเท่านั้น
“เพื่อไทย” จึงจะชนะเลือกตั้ง ไม่ได้ที่ 1 ที่ 2 ก็ยังดี
นอกจากต้องชนะเลือกตั้งแล้วยังต้องไม่ให้พรรคประชาชนพุ่งแซงขึ้น หากพลาดครั้งนี้แก้ตัวไม่ได้แล้ว
ดีไม่ดีโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลก็ตีบตันมากขึ้น
ดังนั้นการประกาศชนพรรค “ประชาชน” อย่างตรงไปตรงมาแบบไม่อ้อมค้อมก็เพราะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ
เพื่อความชัดเจนทางการเมืองอันแสดงถึงจุดยืน เพราะพรรคการเมืองอื่นส่วนใหญ่แล้วไม่เอาพรรคประชาชน
ถ้าไม่ได้เสียงมากสุดก็ยังเป็นรัฐบาลผสมได้!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม