ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่อยู่ระหว่างการบริหารประเทศแล้วเกิดข้อครหาจากการฉ้อฉลที่ดินของรัฐ หรือ “ที่หลวง” มักประสบชะตากรรมที่ไม่ค่อยดีนัก

“ประชาธิปัตย์” สมัยเป็นรัฐบาลก็มีปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก.4-01 แทนที่จะแจกคนจนกลับไปแจกคนรวยก็อยู่ไม่ได้

ต้อง “ยุบสภา”

ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเป็นที่วัดแต่กลับนำไปทำสนามกอล์ฟของเอกชนก็เกิดปัญหา แม้วันนี้จะเป็นของตระกูล “ชินวัตร” แต่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ถือหุ้นอยู่ก็ทำท่าจะกลายเป็น “หุ้นร้อน” ขึ้นมา

ทุกอย่างจะเรียกว่า “อาถรรพณ์” ก็น่าจะได้!

รัฐบาลชุดนี้ก็กำลังจะเจอเรื่องที่ดินอย่างน้อยก็ 2 เรื่อง คือที่ดินทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยเอ็มโอยู 44 เกี่ยวพันไป “เกาะกูด” ว่ากันว่า หากมีการเจรจาเรื่องนี้แล้ว “เกาะกูด” เป็นของกัมพูชาทันที

แม้รัฐบาลจะพยายามชี้แจงรวมถึงการให้กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งร่วมเจรจาด้วย ยืนยันว่าไม่มีปัญหานี้ “เกาะกูด” ยังเป็นของไทย 100%

แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่อและทำท่าจะลุกลามบานปลายออกไปในลักษณะไทยจะต้องเสียดินแดนจนทำให้เลือดรักชาติพุ่งกระฉูด มีการปลุกเร้ากันอย่างเป็นระบบ

ถึงขั้นว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ลงถนนกันเลยทีเดียว

เวลานี้รัฐบาลกำลังจะตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ เพื่อเจรจาเรื่องนี้ตามข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ แต่ก็ยังไม่ลงตัวเสียที

เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องชี้แจงและทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพราะแม้แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 ท่าน จาก 9 ท่านยังมีความเห็น

เรื่องนี้ “มีมูล” นับประสาอะไรกับชาวบ้านทั่วไป...

...

“เขากระโดง” ที่ดินในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เกิดปัญหาเนื่องจากเอกชนเข้ายึดครองอ้างว่าไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟฯ

และได้เข้าอยู่อาศัยสร้างสนามกีฬาเหมือนเป็นที่ดินของตัวเอง

แม้แต่หน่วยทหารที่ตกลงจะสร้างบนผืนดินแห่งนี้ยังต้องขยับไปสร้างที่อื่น

อันชี้ว่าเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจบารมีแก่กล้ามาก

เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและพันไปถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลคือ “เพื่อไทย” ซึ่งดูแลรับผิดชอบกระทรวงคมนาคมที่ทวงถามว่ากรมที่ดิน ซึ่งรับผิดชอบโดย “ภูมิใจไทย”

การรถไฟฯได้ทำหนังสือทวงถามกรมที่ดินทำไมไม่คืนที่ดินผืนนี้ แต่กรมที่ดินอ้างว่าตามข้อกฎหมายแล้ว

เอกชนยึดที่ดินตรงนั้นถูกต้องแล้ว มีกฎหมายรองรับ

ประเด็นที่เป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาก็เพราะคนในตระกูล “ชิดชอบ” ถือครองที่ดินผืนนี้เป็นส่วนใหญ่ และได้สร้างบ้านพักและทำธุรกิจด้านกีฬาคือสร้างฟุตบอลและสนามแข่งรถ

วันนี้จึงเกิดขบเหลี่ยมกันขึ้นระหว่าง 2 พรรคในรัฐบาล และหลายฝ่ายให้ความสนใจ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหานี้

คือคืนที่ดินให้การรถไฟฯเสีย!

แต่อีกฝ่ายไม่ยอมอ้างกฎหมายต่างๆนานา และรัฐบาลโดยพรรค “เพื่อไทย” แกนนำก็ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้เรื่องนี้จบ

แต่เพราะต้องการเสียงสนับสนุนจาก “ภูมิใจไทย” ต้องแสดงบททั้งตีทั้งดึง

ด้านหนึ่งก็ประกาศจะไม่ยอมเสียที่ดินหลวงอย่างเด็ดขาด อีกด้านหนึ่งก็ไม่กล้าตัดสินใจเพื่อสร้างความถูกต้อง

ต่างฝ่ายต่างก็ยื้อกันไปมา เพื่อให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน

แต่ในความรู้สึกของสังคมเห็นว่า เรื่องนี้มันชัดเจนอยู่แล้วว่าใครผิดใครถูก และ “เพื่อไทย” จะต้องกล้าตัดสินใจ และ “ภูมิใจไทย” จะต้องคืนที่ให้การรถไฟฯ

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็กอดคอจมน้ำกันทั้งคู่!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม