“นพ.สุรพงษ์” เชื่อ อีก 2 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมสุราเมรัยจะขับเคลื่อนออกไปสู่ตลาดโลกได้ ขณะที่ “ช่อ” ย้ำ การไม่มีโฆษณาไม่ได้หมายความว่าคนจะไม่ดื่ม ส่วน “เท้ง ณัฐพงษ์” ชี้ คุมการขายแอลกอฮอล์ ควรยึดคนพื้นที่ ไม่ใช่กรอบศาสนา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การค้า Emsphere นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีและรองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่างานเมรัยไทยแลนด์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แสดงถึงภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ ความหลงใหลของคนในวงการปรุงสุรา ซึ่งเป็นเรื่องที่เรามีองค์ความรู้ มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ข้อจำกัดของกฎหมาย ความเชื่อ ทำให้เราไม่ได้พูดถึงและส่งเสริมเรื่องนี้ออกหน้าออกตาอย่างจริงจัง งานเมรัยไทยแลนด์ถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้ผู้ประกอบการด้านสุราเมรัยมาแสดงความสามารถของตัวเอง

นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และซอฟต์พาวเวอร์นั้นเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม เรื่องสุราเมรัยนั้นอยู่กับมนุษยชาติมาช้านาน การที่เรามองสุราเป็นเพียงผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งในการบริโภค อาจจะไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้าหากเราสามารถส่งเสริมให้เรานำวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เคยมีอยู่ที่บรรพบุรุษของเราได้เคยทำสุราเมรัยจากพืชผลการเกษตรแล้วมาเติมความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี เข้าไป จะสามารถยกระดับสุราเมรัย นอกจากจะเป็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิต เป็นความบันเทิงใจแล้ว เรายังสามารถส่งออกทำรายได้ให้กับประเทศได้

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องกฎหมายที่จะต้องนำเสนอร่าง พ.ร.บ.สุราชุมชน ที่ส่งเสริมเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในเรื่องนี้ นายแพทย์สุรพงษ์บอกว่ายังมีเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สามารถประชาสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสม ส่งเสริมการพัฒนาในแง่องค์ความรู้ พัฒนาระบบนิเวศ ที่จะทำให้อุตสาหกรรมของสุรามีโอกาสเติบโตได้มากยิ่งขึ้น และยังมีการนำเสนอสุราของคนไทยในรูปแบบต่างๆ เป้าหมายคือช่วงสงกรานต์ 2568 โดยให้ผู้ที่ทำเรื่องนี้อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ได้มีโอกาสแสดงของและนำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าให้ได้

...

เมื่อถามว่าจะเห็นอะไร ภายใน 2 ปี ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายแพทย์สุรพงษ์ เชื่อว่างานเมรัยไทยแลนด์ในปีหน้าจะใหญ่กว่านี้แน่นอน มากกว่านี้อีกมากมาย เพราะจะเห็นการเติบโตของเรื่องการผลิต อุตสาหกรรมด้านสุราเมรัยในหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่สุรากลั่น สุราแช่ แต่จะเป็นสุราที่สามารถมีมูลค่าเพิ่มได้ไม่ว่าจะ Gin Vodka แต่จะเป็นลักษณะการผสมความคราฟต์ ความบูติกลงไป 2 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมสุราเมรัยจะสามารถขับเคลื่อนออกไปสู่ตลาดโลกได้ ในตลาดโลกเอง ตัวเลขในขณะนี้ที่มีการรายงาน มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะมาก หากเราสามารถเข้าไปมีบทบาทเราก็จะสามารถยกระดับรายได้

“ช่อ” ย้ำ การไม่มีโฆษณาไม่ได้หมายความว่าคนจะไม่ดื่ม

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ตอนนี้กฎหมายของสุราก้าวหน้าอยู่ในกระบวนการพิจารณาของกรรมาธิการแล้ว ตอนนี้ติดเพียงเรื่องเดียว คือเรื่องของการทำกินที่บ้านต้องไปแจ้งขออนุญาตกับทางการก่อน แต่ว่าตรงอื่นๆ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผู้ประกอบการรายย่อยน่าจะผลิตและขายสุราได้ พร้อมย้ำว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าผ่าน และต่อให้สุราก้าวหน้าผ่านแล้วอีกหนึ่งประการที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจรายเล็กรายน้อยไม่สามารถเติบโตได้คือการโฆษณา ซึ่งคุณช่อมองว่าเป็นก้าวถัดไปในการแก้เรื่องของอนุญาตให้โฆษณา เมื่อ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าผ่านเรียบร้อยแล้ว ย้ำว่าการไม่มีโฆษณาไม่ได้หมายความว่าคนจะไม่ดื่ม การโฆษณามีคนดื่ม แต่ดื่มเจ้าเดิม หากมีการโฆษณาจะทำให้เกิดการค้าที่เสรีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นรายน้อยใหญ่ ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

เรื่องของขอบเขตในการโฆษณานั้นยังไม่แน่ชัดแต่มีการหารือเรื่องการแก้ไขกฎหมายให้อนุญาตโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นก้าวถัดไป หลังจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าผ่าน ส่วนเรื่องของคุณภาพในแง่เรื่องของการ QC สินค้า น.ส.พรรณิการ์ พบว่า คนทำเหล้านั้นมีเยอะทำให้การควบคุมคุณภาพเยอะกว่า ส่วนเบียร์นั้นปัญหาจะน้อยกว่าเนื่องจากวงการคราฟต์เบียร์เพิ่งจะเติบโตได้ไม่นาน จะมีการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ คุณภาพจะดีกว่า แต่เหล้ากลั่นเหล้าแช่ของไทยการควบคุมคุณภาพยังไม่เสถียรส่งผลให้เติบโตใน Mass scale การส่งภัตตาคารระดับ 5 ดาว ส่งออกเมืองนอก ทำไม่ได้เพราะต้องควบคุมคุณภาพ จึงอาจเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือกระทรวงพาณิชย์หรือสำนักงานซอฟต์พาวเวอร์ (ที่กำลังจะตั้งขึ้น) เข้ามาควบคุมเรื่องของ QC ให้สามารถส่งออกต่างประเทศ ส่งเข้าห้างดีๆ ส่วนในแง่ของความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นก็เป็นสิ่งที่คนกังวลกันกลัวว่าการเปิดเสรีแบบนี้จะทำให้เกิดการทำกันมั่วๆ คนไปกินแล้วเสียชีวิต น.ส.พรรณิการ์ มองว่า ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย การทำเหล้าเถื่อน มีคนกินแล้วตายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นข้ออ้างเรื่องการเปิดเสรีเหล้าได้ อีกทั้งการเปิดเสรีทำให้เกิดการตรวจสอบ ติดตามง่ายกว่า เมื่อคุณภาพดีมีมาตรฐานได้นานเราก็จะขยายตลาดได้มากขึ้น

ในเรื่องของความเต็มที่เต็มตัวในการผลักดันนั้น น.ส.พรรณิการ์ ได้กล่าวเปรียบเทียบถึงการทำแท้งถูกกฎหมายว่า เป็นเรื่องปกติของหน่วยงานราชการไทย เรื่องกฎหมายทำแท้งสามารถทำได้ตั้งแต่ปี 2564 แต่หน่วยงานราชการไม่กล้าประชาสัมพันธ์ ว่าโรงพยาบาลรัฐให้บริการนี้แล้วเพราะในโซเชียลอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เรื่องเหล้าก็เช่นเดียวกัน ที่กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์หรือททท.เหมือนไม่สบายใจอยู่หน่อยๆ ที่จะเชิญชวนให้มากินเหล้าที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องปรับทัศนคติของข้าราชการ แทนที่จะมองแอลกอฮอล์เป็นผู้ร้ายให้มองเป็นวัฒนธรรม ฝรั่งเศสภูมิใจในเหล้าไวน์ของเขาฉันใด เราก็ควรภูมิใจในเหล้าขาวของเราฉันนั้น เพราะเรามีดินแดนสุวรรณภูมิที่ข้าวดีที่สุดในโลกมีน้ำที่ดี ผลผลิตคือทำให้เรามีเหล้าที่ดี เพราะฉะนั้นนี่คือวัฒนธรรมที่เราควรจะภาคภูมิใจ

“เท้ง ณัฐพงษ์” ชี้ คุมการขายแอลกอฮอล์ ควรยึดคนพื้นที่ ไม่ใช่กรอบศาสนา

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กำลังจะผ่านการพิจารณาวาระที่ 2 ในชั้นกรรมาธิการ จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในเร็วๆ นี้ ในส่วนของพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าก็เช่นกันแต่ยังมีบางส่วนที่ยังคงศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศอยู่ ในสมัยประชุมหน้าก็จะเกี่ยวข้องกับสุราก็จะประกอบไปด้วยกฎหมาย 2 ฉบับ อย่างแรกคือเรื่องของ สรรพสามิตที่จะทำยังไงให้ปลดล็อคของกำลังการผลิตก็ได้มีการผลักดัน ส่วนเรื่องพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เห็นตรงกันในสภาคือป้องกันในส่วนการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชน

นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า การออกกฎกติกาต่างๆ ในการควบคุม ขายแอลกอฮอล์ต่างๆ ควรยึดในหลักกระจายอำนาจ คือให้ประชาชนคนในจังหวัดออกกติกาได้ ไม่ควรใช้กรอบแนวคิดส่วนกลาง ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง

ในเรื่องของขอบเขตการโฆษณา การซื้อขาย นายณัฐพงษ์มองว่า ตอนแรกเราได้หารือกันอยู่แต่ก็ได้ถอยหลังกลับมาเพราะยึดหลักว่าไม่อยากให้ประชาชนถูกมอมเมาแต่ในขณะเดียวกันสุราคือวิถีชีวิต คือการกินการดื่ม จึงต้องหาจุดสมดุล อีกทั้งการใช้ดิจิทัลไอดียืนยันตัวตนในการซื้อออนไลน์ก็กำลังหารืออยู่ในชั้นกรรมาธิการ

นายณัฐพงษ์กล่าวปิดท้ายว่า เรื่องของสุราชุมชน เป็นเรื่องของเศรษฐกิจวิถีชีวิต ช่วยยกระดับเกษตรกร ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ รัฐบาลควรส่งเสริมผลักดัน และภายในไตรมาสแรกของปีหน้าก็จะเห็นการผลักดัน อยากให้เป็นกำลังใจรอติดตามการทำงานของ สส.

“ทนายบิลลี่” ยัน รัฐบาลพร้อมผลักดันสุราชุมชนไปตลาดต่างประเทศ

ขณะที่นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เลขานุการรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เข้ามาส่วนร่วมในบางบูธ พร้อมมีนโยบาย ตลาดนำ นวัตกรรม มาเสริมรายได้ สุราชุมชนก็เป็นเศรษฐกิจอีกภาคส่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ วันนี้กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม และพร้อมที่จะนำสินค้าทุกประเภทรวมถึงสุราชุมชน นำไปสู่ตลาดต่างประเทศถ้ากฎหมายทุกอย่างเรียบร้อย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามการผลักดันสุราชุมชนนั้นยังคงต้องรอในเรื่องของกระบวนการต่างๆจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้าน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การโฆษณา ตลาด กติกากฎระเบียบการจำหน่าย คุณภาพและความปลอดภัย เมื่อกระบวนการเหล่านี้แล้วเสร็จสิ้น เราจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและเห็นถึงการแข่งขันกันอย่างเสรี