“ภูมิธรรม” สยบข่าว ชี้ ไม่มีความขัดแย้งชายแดนที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยัน ไม่ได้ตั้งป้อมสู้รบ หากเข้ามาไทยจะผลักดันออกไปในขอบเขตที่เราตั้งไว้
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่เกิดความตึงเครียด หลังกองทัพไทยเจรจาให้กองกำลังสหรัฐว้า UWSA (ว้าแดง) ถอนกำลังออกจากพื้นที่ ว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นนานแล้ว เส้นแดนตรงจุดดังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่ไม่น่ามีประเด็นอะไรที่จะเป็นปัญหา ยืนยันว่าหากเข้ามาเราก็ผลักดันออกไปในขอบเขตที่เราตั้งไว้ ซึ่งขณะนี้ยังยากอยู่ เพราะยังไม่ชัดเจน ต่างฝ่ายต่างยึดที่ตั้งของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปถึงกรณีที่ทางกลุ่มว้าแดง ยืนยันว่าเป็นพื้นที่ของเขา จะไม่ออกไป และพร้อมตอบโต้กลับ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ใช่ และตอนนี้ไม่ได้ใช้แค่เรื่องทางการทหารอย่างเดียว สามารถใช้กระบวนการทางการเจรจา ตนขอดูรายละเอียด และทางทหารก็เข้าไปคุยแล้ว ขณะที่คำถามว่าสรุปแล้วสถานการณ์ขณะนี้เกิดความขัดแย้งกันหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่มี เป็นเพียงการพูดคุยกัน และหาจุดลงตัวว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนตามกระแสข่าวที่ระบุว่าสถานการณ์ชายแดนบริเวณดังกล่าวตึงเครียด นายภูมิธรรม ระบุว่า ต้องไปถามคนที่ให้ข่าวว่าตึงเครียดขนาดไหน แต่ตนยืนยันไม่มี ขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน หรือ ADMM ที่ สปป.ลาว มีโอกาสพูดคุยกับประธานประเทศลาวว่ายังมีเรื่องเส้นเขตแดนที่ค้างอยู่หลายๆ เส้น โดยเฉพาะเส้นทางบกที่ต้องมีหลักฐานมายืนยันกัน จึงตกลงกันว่าต้องมีคณะกรรมการที่มาดูแลเรื่องของเส้นเขตแดนเหล่านี้ เช่นเดียวกับทางประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยเคยยื่นเรื่องประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังรัฐบาลเมียนมา โดยรัฐบาลเมียนมาบอกว่ายังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากปัญหาภายในประเทศยังไม่สงบ
...
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามอีกว่ามีรายงานข่าวกองกำลังสหรัฐว้า ได้เสริมกำลังทหารพร้อมปืน ค.81 มม. และ ค.120 มม. เข้าเพิ่มเติม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องยุทโธปกรณ์มีกันทุกฝ่าย ซึ่งทางฝั่งไทยก็มีการตั้งอาวุธและยุทโธปกรณ์ไว้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้เกิดจากความตึงเครียดว่าจะรบกัน และไม่ใช่เป็นการตั้งป้อมว่าจะยิงกันหรือสู้รบกัน ขณะนี้กองทัพภาคที่ 3 ดูแลอยู่ และช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการรายงานให้ตนรับทราบแล้ว.