การเมืองระดับชาติเข้าไปมีบทบาทอย่างออกหน้าออกตามากขึ้น เห็นจากการเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัดที่ผ่านมา

ก็เป็นเรื่องที่ดีทำให้พรรคการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างเป็นระบบมากขึ้นซึ่งต่างประเทศที่ประชาธิปไตยเต็มรูปก็เป็นอย่างนั้น

แต่ของไทยยังเป็นเพียงบทเริ่มต้นเท่านั้น

เนื่องจากการเมืองไทยด้วยโครงสร้างเก่าๆ ทำให้การเปลี่ยนแปลงจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ขอเพียงให้ผ่านการพัฒนาอีกระยะหนึ่ง

ก็น่าจะไปถึงขั้นนั้นได้

ปัญหาความไม่ต่อเนื่องทางการเมืองคือมีเลือกตั้งไประยะหนึ่งก็เกิดการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญสลับสับเปลี่ยนกันมาอย่างนี้

ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการพัฒนา!

พรรคการเมืองจึงไม่เข้มแข็ง อีกทั้งนักการเมืองก็ยังคิดถึงตัวเองและพวกพ้องมากกว่าสร้างระบบให้มั่นคงยั่งยืน

เมื่อระดับชาติไม่มั่นคงก็ไม่ต้องพูดถึงระดับท้องถิ่นที่ต่างคนต่างว่ากันเอง โดยมี “บ้านใหญ่” เป็นศูนย์อำนาจและเป็นหัวคะแนนใหญ่ให้พรรคการเมืองระดับชาติโดยปริยาย

พรรคการเมืองระดับนั้นในหลายพรรคหลายกลุ่มเพราะไม่มีความเข้มแข็งที่จะปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปสู่พรรคการเมือง 2 พรรคที่แข็งขันกันให้ประชาชนเลือก

โดยชูนโยบายเป็นเข็มทิศนำทาง...

เมื่อพรรคการเมืองระดับชาติเป็นอย่างนี้ก็ไม่สามารถปูทางไปสู่การเมืองระดับท้องถิ่นที่สังกัดพรรคการเมืองระดับชาติได้

ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้จึงเป็นแบบแยกส่วนกัน

การเลือกตั้งนายก อบจ.ในช่วงนี้พรรคการเมืองระดับชาติได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานการเมืองที่มุ่งลงไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้น

ที่จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนได้ลงไปสู้กันอย่างเต็มที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง “เพื่อไทย” ได้ลงไปปราศรัยและปลุกคนอุดรฯให้เลือกผู้สมัครของ “เพื่อไทย”

...

คือ “ศราวุธ เพชรพนมพร” ซึ่งชนะการเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรฯ

“ประชาชน” ส่ง “คณิศร ขุริรัง” เป็นคู่ต่อสู้ ปรากฏพ่ายแพ้

เป็นการต่อสู้กันเต็มรูปแบบต่างฝ่ายต่างส่งทีมงานไปช่วยหาเสียงแต่พื้นที่จังหวัดถือเป็นฐานเสียงของเพื่อไทยและถือเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง

“เพื่อไทย” ชนะได้จึงไม่แปลก!

แต่คะแนนที่ได้นั้นชนะกันแค่ 5 หมื่นกว่าคะแนน ซึ่งผู้สันทัดกรณีชี้ว่าน้อยเกินไปเพราะคะแนนที่ได้นั้นน้อยกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา

แน่นอนว่า “ทักษิณ” เป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งและควรจะชนะมากกว่า พูดง่ายๆว่าน่าจะท่วมท้นแสดงว่าพลังยังไม่มากนัก

“ทักษิณ” บอกว่าครั้งหน้าจะชัดเจนมากกว่านี้ หมายความว่าจะต้องถล่มทลายแบบขาดลอย

“ประชาชน” น่าจะพอใจระดับหนึ่งเพราะคะแนนสูงกว่าที่ผ่านมาแสดงความนิยมพรรคมากขึ้นแต่ไม่ถึงระดับที่จะชนะได้เท่านั้น

ที่นครศรีธรรมราชก็เกิดพลิกล็อกขึ้น เมื่อ “กนกพร เดชเดโช” อดีตนายก อบจ.เก่าเจ้าของพื้นที่ และยังเป็นมารดาของ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.ประชาธิปัตย์

พ่ายแพ้ “วาริน ชินวงศ์” แม้จะไม่ประกาศชัดเจนแต่คนทั่วไปรู้ว่าเป็น “ภูมิใจไทย” ให้การสนับสนุน ทำให้ประชาธิปัตย์เสียฟอร์มไปตามระเบียบ

เพราะนอกจากจะมี สส.มากที่สุดในจังหวัดนี้และถือเป็นฐานเสียงสำคัญของประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน

เหตุผลสำคัญนั้นมีหลายประเด็นไม่ว่าเบื่อคนเก่าอยากได้คนใหม่ การเข้าร่วมรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” ต้องการคนมาพัฒนาจังหวัดในด้านเศรษฐกิจ

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย้ำคำที่ว่า “ประชาธิปัตย์” นั้นถึงยุคตกต่ำจริงๆ!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม