เพื่อไทยรุมสดุดี “ทักษิณ” ปัจจัยสำคัญชนะขาดนายก อบจ.อุดรธานี “สุริยะ” โวเป้ากวาด 200 สส. ไม่ใช่เรื่องยากถ้าผลงานรัฐบาลดี “ภูมิธรรม” เคลมชาวบ้านยังศรัทธา ชื่นชอบนโยบายในอดีต “เต้น” เผยความใจป๋า “นายใหญ่” ควักส่วนตัว 300 ล้านพัฒนาโอทอปไทย แกนนำเพื่อไทยประสานเสียงไม่หวั่นไหว “สนธิ” จ่อรีเทิร์นก่อม็อบบนถนน “อนุทิน” สำทับไม่ผิด ก.ม.ทำได้ทำเลย ดับฝันพลิก ก.ม.ประชามติเป็น ก.ม.การเงินเพื่อร่นเวลา พท.-ปชน.ลุยแผนลดประชามติเหลือ 2 ครั้ง หวังแก้ รธน.ทันสมัยรัฐบาลนี้ “ไอติม” จี้ “วันนอร์” ทบทวนบรรจุวาระไม่ต้องทำประชามติครั้งแรก พท.ลุยร่างคำร้องฟ้องกลับ “ธีรยุทธ” หลังศาล รธน.ตีตกคำร้องล้มล้างการปกครอง เกินเลยความจริง

ควันหลงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ชัยชนะ ตกเป็นของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงด้วยตัวเอง ยังเป็นประเด็นที่แกนนำ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยกยอให้เครดิตต่อเนื่อง ส่วนความพยายาม เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง กฎหมายประชามติที่คิดจะเปลี่ยนเป็นกฎหมายการเงินเพื่อร่นเวลา ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้

ซิวนายก อบจ.อุดรฯเพราะ “ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบ รัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงชัยชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีของพรรคเพื่อไทยว่า สะท้อนถึงกระแสของพรรคเพื่อไทย และกระแสของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ทำผลงานจนเป็นที่ประทับใจชาวอีสานมาตลอด สิ่งที่นายทักษิณทำไว้ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย จับต้องได้ ทำให้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนท่วมท้น เมื่อถามว่าจะเรียกได้หรือไม่ว่าชัยชนะครั้งนี้เพราะนายทักษิณ นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่ามีส่วนสำคัญมาก ส่วนนายทักษิณจะลงไปช่วยพื้นที่อื่นหรือไม่นั้น หากพื้นที่ไหนคิดว่านายทักษิณไปแล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้สมัครท่านคงไป เรามีกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่จะดูว่าเราส่งผู้สมัครไหนบ้าง และพื้นที่ใดจะเชิญให้ท่านไป

...

“สุริยะ” โว 200 สส.ไม่ยากถ้างานดี

เมื่อถามว่าจะเป็นโดมิโนไปถึงสนาม อบจ.อื่นๆ หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ผลงานเป็นส่วนสำคัญที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ต้องทำให้ดี กระแสส่วนหนึ่งจะมาเหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย โดมิโนก็เป็นไปได้ เมื่อถามว่า การเลือกตั้ง สส.พรรคเพื่อไทยจะได้ถึง 200 เสียงอย่างที่นายทักษิณระบุหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า เงื่อนไขสำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องทำให้เศรษฐกิจดี ตอนนี้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังระดมความคิด หากเป็นไปตามตัวเลขคาดการณ์จีดีพี 3% ในไตรมาสที่ผ่านมา หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆเข้ามาอีก โอกาสที่ได้จะได้ สส. 200 คน เป็นไปได้สูง ประชาชนยังคงรอการพิสูจน์ หากมีผลงาน 200 เสียงไม่มีปัญหา

เผย “ทักษิณ” ควัก 300 ล้านช่วยชาติ

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี พรรค เพื่อไทยยังคงได้รับความไว้วางใจจากชาวอุดร ขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และที่ยังไม่ได้มอบคะแนนให้ในครั้งนี้เราจะพยายามต่อไป โจทย์ข้อใหญ่สำหรับผู้ชนะคือเดินหน้าทำงาน เมื่อการเลือกตั้งผ่านไป การโจมตีบนเวทีหาเสียงจะถูกทิ้งลืมในไม่ช้า แต่สาระเรื่องนโยบายจะมีคุณค่าให้จดจำ ติดตาม และรอคอยผลสำเร็จเป็นรูปธรรม พรรคเพื่อไทยเดินหน้าด้วยสิ่งนี้มาตลอด ในการปราศรัย มีการพูดถึงนโยบายที่ผู้ช่วยหาเสียงรับฟังมาจากนายกฯหลายเรื่อง และกำลังเดินหน้าสู่การปฏิบัติประกอบด้วย เงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 แก้ปัญหายาเสพติด ปรับโครงสร้างหนี้ประชาชน บ้านเพื่อคนไทยจ่ายเพียงเดือนละ 4,000 บาท โดยอดีตนายกฯทักษิณควักเงินส่วนตัว 300 ล้านบาท จ้างนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกศึกษา และจะนำกลับมาใช้พัฒนาโอทอป นโยบายเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อคนไทยทั้งประเทศ นี่คือวิธีทำงานทางการเมืองแบบพรรคเพื่อไทย

“ภูมิธรรม” เคลมคนยังศรัทธา “ทักษิณ”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงชัยชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีของพรรคเพื่อไทยว่า ถือว่าเป็นจังหวัดที่พรรคทำงานมาต่อเนื่อง และเราสามารถรักษาฐานคะแนนไว้ได้ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ก่อตั้งพรรคตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง สามารถทำนโยบายต่างๆสำเร็จ เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน ดังนั้น คงเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยทำให้ได้รับชัยชนะ จ.อุดรธานีเป็นจังหวัดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยแข็งแรงมากที่สุด หลายคนไปเรียกเมืองหลวง ก็อาจจะเรียกได้ เพราะเป็นเมืองใหญ่สำคัญที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ไปขอบคุณชาวอุดรธานีด้วยตัวเองหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ นายกฯมีภารกิจเยอะ ขณะนี้หากทำอะไรในฐานะพรรคก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ

ไม่หวั่นไหว “สนธิ” จ่อนำม็อบลงถนน

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร ประกาศเตรียมนำมวลชนลงถนนอีกครั้งหากการเมืองถึงขั้นสุกงอมว่า ไม่เป็นไร สามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ แต่ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่เคยทำให้ประเทศชาติเสียหายมาถึงปัจจุบัน อย่าให้เป็นอย่างนั้น ขอให้ดูที่เหตุและผล รัฐบาลพร้อมถูกตรวจสอบอยู่แล้ว ตามกระบวนการมีขั้นตอนอยู่ วันนี้ประชาชนเดือดร้อนค่อนข้างมาก การปิดเมืองหรือการชุมนุมเหมือนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ใครถูกหรือผิดยังไม่ต้องพูดถึงก็ได้ แต่ผลเสียหายกับประเทศชาติมันรุนแรงเหลือเกิน อยากให้คำนึงถึงตรงนี้ไว้มากๆ รัฐบาลคงไม่กังวลอะไร เพราะตั้งใจทำสิ่งที่ดี คิดว่าผลงานรัฐบาลจะเป็นตัวกำหนด

มองต่างมุมแต่ประเทศต้องขับเคลื่อน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายทักษิณจะเดินทางไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.จังหวัดต่างๆอีกหรือไม่ เป็นเรื่องอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในนามของพรรคเพื่อไทยในกี่จังหวัด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่านายทักษิณเคยมีผลงาน เช่น กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค และอีกหลายโครงการ ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงที่นายทักษิณเป็นนายกฯ และวันนี้ประชาชนยังชื่นชมอยู่ ดังนั้นการลงพื้นที่ของนายทักษิณจึงถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ และตรงกับความต้องการของประชาชน เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลเตรียมนำม็อบลงถนน นายประเสริฐกล่าวว่า การเมืองไม่มีที่สิ้นสุด นายสนธิอาจมองการเมืองในมุมหนึ่ง แต่พรรคเพื่อไทยมองอีกมุมหนึ่ง แต่ประเทศต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยมั่นใจและไม่เป็นกังวลอะไร

“อนุทิน” ชี้ถ้าไม่ผิด ก.ม.ทำได้ทำเลย

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเตรียมนำม็อบลงถนนของนายสนธิว่า ทุกคนมีสิทธิแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายก็ทำไป เมื่อถามถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่ น.ส.วาริน ชิณวงศ์ ชนะการเลือกตั้ง นายอนุทินตอบแบบติดตลกว่า ในหัวใจมีแต่นายก อบจ.ปทุมธานี ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาขอให้กำลังใจ อย่าเพิ่งท้อแท้ ตำแหน่งอะไรก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ เมื่อถามว่าภูมิใจแค่ไหนที่เจาะพื้นที่ภาคใต้ได้มากขึ้น นายอนุทินตอบว่า การรับใช้บ้านเมืองไม่ว่าอยู่ในสถานะใดก็ภาคภูมิใจ ถือว่าเป็นบุญวาสนาที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้

1 ก.พ.68 ตัวชี้วัดโมเมนตัมการเมือง

นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศว่าปี 2568 จะจัดเวทีทุกเดือนและอาจมีม็อบลงถนนว่า เป็นเรื่องอนาคตต้องรอดู เรื่องเอ็มโอยู 44 หรือการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของนายทักษิณ จะเป็นประเด็นให้ม็อบจุดติดหรือไม่นั้น มองว่าอยู่ที่เหตุและปัจจัย ใกล้ๆวันนั้นแล้วค่อยมาดู แต่ประเด็นที่นักการเมืองสนใจคือวันที่ 1 ก.พ.2568 มากกว่า ที่จะเลือกผู้บริหารท้องถิ่นทั่วประเทศ วัดกันใครคุมสภาพได้มากกว่า ใครจะเป็น เงื่อนไข และวัดอุณหภูมิการเมืองใครมีน้ำหนักต่างกันเท่าไหร่ ช่วงนั้นเป็นกุญแจสำคัญทางการเมือง

“ชูศักดิ์” ไม่เถียง–รับเลยขั้นตอนแล้ว

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อ่านรัฐธรรมนูญหลายมาตรายอมรับว่าขั้นตอนนี้เลยมาแล้ว ไม่ได้เถียง แต่ที่ยกประเด็นขึ้นมาเพราะ กมธ.ร่วมเห็นไม่ตรงกันเป็นอุปสรรคต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจเสร็จไม่ทัน จึงคิดหาทางออกควรทำยังไง โดยทางเลือกหนึ่งคือสามารถตีความเป็นกฎหมายการเงินได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ฟันธง สิ่งที่นายนิกรพูดมาไม่ได้เถียงอะไร

ย้ำแผนลดทำประชามติเหลือ 2 ครั้ง

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับเสร็จภายในรัฐบาลนี้ นายชูศักดิ์ตอบว่า อย่างที่เคยบอกลดการทำประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง เพราะถ้าทำประชามติ 3 ครั้งคงไม่ทัน แต่ถึงอย่างไรก็จะดันเต็มที่ให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อย่างน้อยก่อนหมดวาระรัฐบาลชุดนี้ก็จะได้มี ส.ส.ร. ส่วนการเลือกตั้งก็ใช้กติการัฐธรรมนูญฉบับเก่าไปก่อน เมื่อถามว่า หากแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ทันจะมีการแก้ไขรายมาตราหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ถ้าเราเดินไปในแนวทางที่จะมี ส.ส.ร.ยกร่างทั้งฉบับแล้ว ประเด็นรายมาตราคงไม่มี เพราะจะดูไม่สมเหตุสมผล เว้นแต่กรณีจำเป็นจริงๆ แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่คอขาดบาดตาย

ปชน.ตื๊อ “วันนอร์” บรรจุร่าง พท.+ปชน.

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ย. เวลา 10.00 น. กมธ.จะเข้าพบนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานรัฐสภา หารือถึงการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับเนื้อหามีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตามที่พรรคเพื่อไทยและพรรค ประชาชนเคยยื่นไว้ แต่ประธานรัฐสภายังไม่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพราะตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าจะต้องทำประชามติก่อนจึงจะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ตนและพรรคเพื่อไทยมองว่าบรรจุได้เลยไม่ต้องทำประชามติก่อน ในการหารือกับประธานรัฐสภาครั้งนี้จะนำประเด็นที่ กมธ.หารือกับนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพูดคุยด้วย หวังว่าประธานรัฐสภาจะทบทวนการตัดสินใจ เดินหน้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯ เดือน ธ.ค.นี้ หากเป็นไปตามนั้น การทำประชามติจะเหลือ 2 ครั้ง เชื่อว่ามีโอกาสได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนเลือกตั้ง 2570

ประชามติถูกเตะถ่วงไม่ใช่อุปสรรค

นายพริษฐ์กล่าวว่า สำหรับความเห็นต่างของ สส.กับ สว.ในร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ และมีแนวโน้มต้องพักไว้ 180 วัน จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น การพักร่างกฎหมายประชามติไม่เป็นปัญหาต่อการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะระหว่างทางยังเดินหน้าได้ ไม่ทำให้ล่าช้าหรือกระทบ ไทม์ไลน์ เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญกังวลต่อเสียงสนับสนุนของ สว.หรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องได้เสียง สว.1 ใน 3 หรือ 67 เสียง ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในยุค 250 สว.เป็นอุปสรรคสำคัญ แต่ยุคนี้มีการวิเคราะห์จุดยืนของ สว. ผ่านการแก้ไข พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ เมื่อร่างแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภา จะได้เห็นว่า สว.มีจุดยืนอย่างไร

พท.ลุยแก้เผ็ดฟ้องกลับ “ธีรยุทธ”

อีกเรื่อง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเตรียมฟ้องกลับนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ หลังศาลรัฐธรรมนูญตีตกไม่รับคำร้องกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย กระทำการล้มล้างการปกครองว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังดำเนินการร่างคำฟ้องอยู่ เข้าใจว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้ว แต่เสร็จเมื่อใดคงไม่สามารถบอกได้ อย่างไร ก็ตาม สุดท้ายต้องดูร่างคำฟ้องก่อน เพื่อความรอบคอบ เมื่อถามต่อว่า ต่อไปหากบุคคลใดต้องการฟ้องรัฐบาล จะมีกฎเกณฑ์เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องกลับหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่ดูกรณีนี้เหมือนไปสรุปเอาเองว่าเขาผิดอย่างนั้น อย่างนี้ โดยขาดพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ชัดเจน หากไปสรุปเองเหมาว่าผิด ทั้งที่ไม่ใช่ เป็นคนละประเด็น คนละข้อเท็จจริง การกล่าวหาแบบนี้ในทางกฎหมายนั้นไม่ถูก

เรียก มท.1 แจง กมธ.ปมเขากระโดง

ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทน ราษฎร กล่าวว่า การประชุม กมธ.วันที่ 27 พ.ย. มีวาระพิจารณาปัญหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบกรณีการตั้งคณะกรรมการของกรมที่ดิน กมธ.ต้องการทราบขอบเขตอำนาจกรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจระงับการเพิกถอนโฉนดหรือไม่ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งชัดเจนแล้วให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับกรมที่ดิน ทั้งนี้จะเชิญ รมว.มหาดไทย รมว.คมนาคม มาให้ข้อมูลถึงแนวทางแต่ละหน่วยงานในสังกัด กมธ.ไม่อยากให้เรื่องเงียบ หากไม่กระตุ้น เรื่องจะจบแบบเงียบๆเหมือนในอดีต

นายกฯร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรง

วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวรณรงค์ในโอกาสวันยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวว่า เดือน พ.ย.ของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เพราะสถาบันครอบครัวคือหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม แต่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะครอบครัวอบอุ่นคือเกราะป้องกันให้กับทุกคน องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 25 พ.ย.ของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2542 มีมติเห็นชอบให้เดือน พ.ย.ของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” ปีนี้รัฐบาลกำหนดจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “สร้างสุขปลอดภัย ไร้ความรุนแรง” มุ่งหวังให้ทุกคนเข้าใจความรุนแรงในครอบครัว พร้อมใช้ความรัก ความเห็นใจ ความเอื้ออาทร และใช้ความรู้ในสิทธิทางกฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครองทั้งตัวเอง สมาชิกในครอบครัว และคนในสังคมที่กำลังประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงประชาชนทุกคน ร่วมแสดงพลังในการยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ ด้วยการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่