ในเอกสารประกอบคำแถลงว่าด้วย GDP ไตรมาส 3 ปีนี้ของท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ที่ผมอ้างถึงเมื่อวานนี้ มีตารางแสดงอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอาเซียนแนบมาด้วย 6 ประเทศ

พร้อมกับมีคำบรรยายท้ายตารางว่า แม้เศรษฐกิจประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 นี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 3 เกินกว่าที่เราคาดหมายไว้ แต่อัตราดังกล่าวนี้ก็ยังถือว่าตํ่าสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน

จากตารางจะพบว่าประเทศในอาเซียนที่ GDP ขยายตัวสูงสุดในไตรมาสนี้ ได้แก่ เวียดนาม ร้อยละ 7.4, รองลงไปได้แก่มาเลเซีย ร้อยละ 5.3, ฟิลิปปินส์ร้อยละ 5.2, อินโดนีเซีย ร้อยละ 4.9, สิงคโปร์ ร้อยละ 4.1 และสุดท้ายก็คือไทย ร้อยละ 3

ในตารางเดียวกันนี้ขยับลึกเข้าไปหน่อยแสดงตัวเลข ปี 2566 ที่ผ่านมาทั้งปี ปรากฏว่าตัวเลขประเทศที่ขยายตัวมากสุดในกลุ่มอาเซียน คือ ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 5.5, อันดับ 2 เวียดนาม 5.0, อันดับ 3 อินโดนีเซีย 5.0 เช่นกัน, อันดับ 4 มาเลเซีย 3.6, อันดับ 5 ประเทศไทย 1.9 และอันดับ 6 ประเทศสิงคโปร์ ร้อยละ 1.1

แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการขยายตัวของประเทศไทยเราอยู่ในอันดับท้ายๆ จนนักการเมืองไทยบางพรรคหยิบมาหาเสียง บอกประชาชนว่า จะต้องหาทางเร่งขึ้นมาให้ได้...แต่แทนที่จะเร่งอย่างถูกวิธี ค่อยๆเร่งด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆของประเทศ เพื่อเพิ่ม GDP อย่างถาวร

กลับใช้วิธี “อัดฉีด” หรือการ “แจกเงิน” ซึ่งเป็นวิธีที่ถ้าไม่จำเป็น นักเศรษฐศาสตร์ที่มีจิตวิญญาณของนักเศรษฐศาสตร์โดยแท้จะไม่ยอมใช้...หรือถ้าใช้ก็จะต้องระมัดระวัง และไม่พร่ำเพรื่อ

เหตุเพราะวิธีเพิ่ม GDP ด้วยการแจกเงิน จะเพิ่มได้ชั่วคราว และวูบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จะคืนสู่สามัญ กลับมาเตาะแตะต่อไป

เท่าที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่ตรงนี้มากว่า 50 ปี นั่งดูตัวเลขนั่งดู ความเจริญเติบโต รวมถึงมีโอกาสไปสัมผัสไปดูการพัฒนาของประเทศในกลุ่มอาเซียนหลายๆประเทศ

...

พบความจริงอยู่ข้อหนึ่งว่า ความสำเร็จในการพัฒนาของกลุ่มอาเซียนเรานั้นคล้ายๆกับคำพังเพยที่ว่า “สมบัติผลัดกันชม”

คือผลัดกันรุ่งเรือง ผลัดกันทรุดโทรม และถดถอย

ในยุคอินโดนีเซียรุ่งเรือง ผมจำไม่ได้ว่า GDP ของเขาเท่าไร และโตปีละกี่เปอร์เซ็นต์...แต่จำได้ว่า “เขายิ่งใหญ่มาก” เป็นมหาอำนาจของอาเซียน ทั้งเศรษฐกิจและการกีฬา...โดยเฉพาะด้านกีฬา เขากวาดเหรียญทอง เป็นเจ้าซีเกมส์อยู่หลายปี

แต่บทจะทรุดอินโดนีเซียก็ทรุดไปเลย แทบจะหลุดออกไปจากแผนที่...แต่ก็นั่นแหละ ด้วยทฤษฎี “สมบัติผลัดกันชม” ในที่สุดก็ค่อยๆฟื้นกลับมาอีกครั้ง

คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ท่านตาถึง บอกผมเมื่อ 4-5 ปีก่อนว่า อินโดนีเซียกำลังจะกลับมา...แล้วก็กลับจริงๆอัตราเพิ่ม GDP สูง 4-5 เปอร์เซ็นต์หลายปี แบงก์บัวหลวง ไปซื้อแบงก์ขนาดกลางไว้แบงก์หนึ่ง ทุกวันนี้เจริญงอกงามใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ฟิลิปปินส์ ก็เคยรุ่งเรืองมากในยุคประธานาธิบดีมาร์กอส

คนไทยนิยมส่งลูกหลานไปเรียนฟิลิปปินส์ปีละหลายพันคน เพราะมองว่าฟิลิปปินส์เจริญกว่าไทย และระบบการศึกษาดีกว่าไทย

แต่แล้วจู่ๆฟิลิปปินส์ก็หล่นหายไปจากแผนที่อีกประเทศ หลังประธานาธิบดีมาร์กอสถูกโค่นล้มในข้อหาคอร์รัปชัน

ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศยากจน ถึงขนาดสาวชนบทฟิลิปปินส์นับแสนๆคนต้องอพยพไปเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกให้แก่ครอบครัวคนมีเงินในประเทศต่างๆหลายประเทศในยุคนั้น

แต่แล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง ด้วยทฤษฎีสมบัติผลัดกันชม อีกนั่นแหละ ฟิลิปปินส์ก็กลับมาฟื้นตัวใหม่...จีดีพี ปี 2564 เพิ่ม 5.7 เปอร์เซ็นต์, 2565 เพิ่ม 7.6 เปอร์เซ็นต์, 2566 เพิ่ม 5.5 เปอร์เซ็นต์ และไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่ม 5.2 เปอร์เซ็นต์ ในตารางของสภาพัฒน์

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม