“กฤช เอื้อวงศ์” เผย ต้องหารือประธานรัฐสภา และประธาน กมธ.ทุกคณะ ปม ร่างพ.ร.บ.ประชามติ อาจเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ย้ำรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด ทุกพรรคเห็นตรงกันใช้เสียงข้างมาก 1 ชั้น
วันที่ 24 พ.ย. 2567 นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม สส. สว.ที่ยังมีความคิดเห็นต่างเรื่องหลักเกณฑ์การทำประชามติ อาจเข้าข่ายเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินทำให้อาจจะไม่ต้องรอ 180 วัน ว่า ต้องมีการหารือกับประธานรัฐสภา และประธาน กมธ.ทุกคณะก่อนว่าเข้าข่ายลักษณะเช่นนั้นหรือไม่ เพราะมีข้อบังคับที่เขียนไว้ หากเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินก็จะย่นเวลาลงมา แต่หากผลการหารือออกมาว่าไม่เป็นร่างที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการเงิน ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 คือต้องค้างไว้อีก 180 วัน จากวันที่สภาใดสภาหนึ่งมีการยับยั้ง เมื่อถามว่า หากต้องรออีก 180 วัน การแก้รัฐธรรมนูญเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า หากต้องรอ 180 วัน และการทำประชามติต้องทำสามครั้ง เท่าที่เคยคำนวณไว้ ขั้นต่ำจะใช้เวลาประมาณ 1,080 วันหรือ 2 ปีกับ 11 เดือน หากเป็นเช่นนั้นก็จะเลยเวลาของอายุสภาและรัฐบาลชุดนี้ แต่ในขั้นตอนระหว่างนั้นอาจจะมีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แล้ว และสสร.เข้ามาทำหน้าที่แล้วก็ต้องเดินหน้าไป เราต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่กรอบกฎหมายจะกำหนดให้ทำได้ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองสภาก่อน เราต้องไปดูตรงนี้ด้วยว่าผ่านความเห็นชอบหรือไม่
เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรค พท.ยังเป็นการใช้เสียงข้างมากหนึ่งชั้นในการทำประชามติใช่หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ใช่ ไปตามร่างที่เคยผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตอนนั้นมติเป็นเอกฉันท์ที่ทุกพรรคเห็นตรงกันว่าเป็นเสียงข้างมากธรรมดา เมื่อถามว่า ใน กมธ.ต้องมีการประชุมอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 4 ธ.ค. เพื่อเป็นการพิจารณาเรื่องรายงานการประชุม เหมือนเป็นการสรุปผลการประชุมเท่านั้น
...