“ชูศักดิ์ ศิรินิล” เผย เป็นสัญญาณดี ศาล รธน. ตีตกคำร้อง เพื่อไทยล้มล้างการปกครอง ทำให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานโดยไม่กังวล ด้าน “กฤช เอื้อวงศ์” ชี้ เพื่อไทย ไม่หวั่น กกต. สอบครอบงำ ยันเดินหน้าทำงานต่อ ยันนายกฯ ไม่ได้หวั่นไหวอะไร

วันที่ 24 พ.ย. 2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณี ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง ถือเป็นสัญญาณที่ดีทางการเมืองของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะประเด็นล้มล้างการปกครองเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญไปถึงขั้นยุบพรรค การที่ศาลไม่รับคำร้องเป็นสัญญาณว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในบริบทของรัฐบาล ทำให้รัฐบาลสามารถทำงานได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรในประเด็นเหล่านี้ คิดว่าเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ต่อไปในอนาคต และส่วนตัวเชื่อว่าประเด็นล้มล้างไม่น่าจะมีอะไรแล้ว แต่ประเด็นอื่นที่มีการร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เช่นเรื่องการครอบงำพรรคนั้น มั่นใจเราสามารถชี้แจงได้ ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เราเตรียมตัวชี้แจงแล้วว่าเป็นอย่างไร คงชี้แจงแนวเดิมว่าการอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาสั่งเราชี้แจงได้ว่าไม่ใช่เรื่องการครอบงำ เป็นการปรึกษาหารือให้คำแนะนำที่ทำได้ทั่วไปทางการเมือง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคยังมีอิสระในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เรื่องการสั่งการอะไรใดๆ ทั้งสิ้น พรรคยังมีอิสระ และขณะนี้ยังไม่ได้มีหนังสือมาให้เราชี้แจงประเด็นอะไรแต่เพื่อไทยเตรียมพร้อมเสมอและมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้

ด้านนายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าสอบกรณียุบพรรค พท.โดยอ้าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองเกี่ยวกับการครอบงำ ว่า เรื่องที่ กกต.จะสอบเป็นเรื่องเกี่ยวกับการครอบงำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 28 และมาตรา 29 ของกฎหมายพรรคการเมือง เขามีกระบวนการอยู่ หากทาง กกต. แจ้งข้อกล่าวหามา เราก็มีหน้าที่ชี้แจงข้อกล่าวหา ไม่ได้กังวลอะไร เมื่อถามว่า พรรค พท. จะเดินหน้าทำงานต่อ โดยไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ไม่ได้หวั่นไหวและก็ทำหน้าที่ไป แต่ต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมายและข้อห้ามต่างๆ เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันภายในพรรคบ้างหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ข้อกล่าวหาเรื่องของการครอบงำเป็นข้อกล่าวหาแบบกว้าง อยู่ที่การตีความ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกพรรคหากมีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง

...

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายเป็นคนดูโดยตรง หรือมีการตั้งใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า จริงๆ ก็มีหลายคนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย แต่ต้องมานั่งดูเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาของ กกต.ก่อนว่าเขาแจ้งข้อกล่าวหามาว่าอย่างไรบ้าง เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ได้มีการพูดคุยอะไรกับฝ่ายกฎหมายถึงเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า มีการพูดคุยกันตลอดในพรรคอยู่แล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้มีความเป็นห่วงหรือกังวลอะไร ทุกคนทำหน้าที่ไปตามปกติ เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหามาฝ่ายกฎหมายก็มีหน้าที่ต้องมาประชุมว่าจะชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างไรและต้องว่าไปตามกระบวนการ