แนวรบด้านตะวันตก ยกระดับเข้าโซนเสี่ยง “สงครามโลกครั้งที่ 3”

ตามฉาก “ติดดาบประจัญบาน” สงครามรัสเซีย-ยูเครน ถึงจุดที่รัฐบาลกรุงเคียฟ กดปุ่มขีปนาวุธ “ATACMS” ที่ได้รับสปอนเซอร์จากสหรัฐอเมริกาและกลุ่มนาโตส่งอาวุธหนักให้ถล่มโจมตีตอบโต้รัฐบาลมอสโก

กระตุกหนวดพญาหมีขาว “วลาดิเมียร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซีย กัดกราม คำรามลั่น ประกาศชัด ความขัดแย้งสมรภูมิยูเครนเข้าคุณสมบัติสงครามระดับโลกแล้ว

แนวโน้มตีโต้กลับแบบแตกหัก ผู้นำรัสเซียสั่งล้มสนธิสัญญาว่าด้วยการใช้อาวุธปรมาณู ไฟเขียวเปิดรหัสหัวรบนิวเคลียร์ ล็อกเป้าเอาคืนยูเครน พาลไปถึงชาติตะวันตก กลุ่มประเทศนาโต

สถานการณ์ตึงเครียดขั้นสุด แบบที่รัฐบาลฟินแลนด์ สวีเดน หลายเมืองในยุโรปสั่งยกระดับเตือนภัยพลเรือน เตรียมพร้อมรับสภาวการณ์สู้รบ

สงครามระเบิดมหาประลัยใกล้อุบัติ โอกาสสูงที่จะลุกลามใหญ่โต

เค้าเมฆทะมึน ควันสัญญาณ “เวิลด์ วอร์ ทรี” หนีไม่พ้นแรงกระแทกมหาศาล สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทวีป โดยเฉพาะวิบากกรรมหมู่ทางด้านเศรษฐกิจส่อย่อยยับตามแรงขีปนาวุธ ล่าสุดราคาน้ำมันตลาดโลก ขยับขึ้นพรวดพราด พร้อมกับตลาดทองคำพุ่งแรงตามความกังวลภาวะสงครามใหญ่ มหาอำนาจตะวันตก

ขีปนาวุธตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้

ณ จุดที่ “คนตัวเล็ก” ประเทศไทย มีหวังระส่ำระสายหนัก ไม่รู้จะตั้งหลัก รับมือแรงปะทะด้านไหนก่อน เพราะอีกทางก็ต้องขุดหลุมหลบภัย “สงครามการค้า” จากการกลับมาของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตั้งท่าประจัญบาน เปิดแนวรบกับพญามังกรจีน

นักลงทุนส่งออกมีหวังได้ปีนกำแพงภาษีกันหืดจับ

กับสภาพ “ทรัมป์ ดิสรัปเตอร์” ที่สะท้อนจากคนระดับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯมือเศรษฐกิจ วิเคราะห์ผ่านเวทีเอกชน ฟันธง ถ้าใครไม่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัล บิ๊กดาต้าและเอไอ

...

จะทำให้อยู่ไม่ได้ ภายใต้โลกที่มีแต่ความไม่แน่นอนในตอนนี้

ดิจิทัล บิ๊กดาต้าและเอไอ คีย์เวิร์ดเศรษฐกิจโลก ยุค “ทรัมป์ 2.0” แต่หันไปมองโครงการเรือธงในการ กอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย นั่นคือ “ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท” ที่มาถึงตอนนี้ เหลือแค่ระบบอนาล็อก

ตัดคำว่า “ดิจิทัล” ออกไปแล้วแบบเนียนๆ

เหลือแค่การแจกเงินสดๆผ่านตู้เอทีเอ็ม เฟสแรกผ่านไป โดยไม่มีผลในการก่อพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แม้แต่หย่อมความกดอากาศต่ำ ตามตัวเลขฟ้องจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศจีดีพีไตรมาส 3 ปี 2567 โตแค่ร้อยละ 3 แทบไม่ได้ขยับ

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลเพื่อไทยยังประกาศลุยถั่ว แจกเงินหมื่นสดๆเฟส 2 อีก 4 หมื่นล้านบาท

นัดเทกระจาดกันในห้วงตรุษจีนปีหน้า จัดโปรฯ “แต๊ะเอีย” กันมันมือ

จากเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต” แห่งอนาคต วกกลับไปเป็นโคตรประชานิยม ใช้เงินหลวงหาเสียง โดนเซียนการเมืองดักทางจับไต๋ ทีมเพื่อไทยเจาะจงเป้าหมายตำบลกระสุนตก กลุ่มรากหญ้าและคนสูงอายุ ฐานเสียงหลักยี่ห้อ “ทักษิณ” แถมล็อกคิวแจกติ้วในห้วงแลกแต้มเลือกตั้ง อย่างที่ล็อกโปรแกรมแจกเงินหมื่นเฟส 2 ตรงกับปฏิทินการเลือกนายก อบจ.ทั่วประเทศ

เหลี่ยมบริหารเศรษฐกิจที่ผูกโยงกับเกมบริหารแต้มนิยมทางการเมือง

ตามท้องเรื่องผูกติดเป็นปมกับการประคอง “ดีลอำนาจ” ประเทศไทย ไฟต์บังคับเกมเสี่ยงของอดีตนายกฯในตำนานชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็น “ศูนย์กลางจักรวาล” ของพรรคเพื่อไทย

ต้องเลี้ยงไฟ ชาร์จพลัง “ระบอบทักษิณ” ที่ความเข้มขลังลดลงตามกาลเวลา

ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกรับรู้ ทีม “นายใหญ่” ไม่ใช่อันดับหนึ่งในสนามเลือกตั้งเมืองไทยอีกต่อไป ค่ายชินวัตรเสียแชมป์ที่ครองมากว่า 20 ปีให้ทีมเด็กรุ่นใหม่ ทำให้ต้องฮึดเฮือกสุดท้ายในการชิงกระแสคืน

ทุ่มเดิมพันสุดตัว ชิงพื้นที่ฐานเสียงกลับมาเป็นเครื่องมือ “ต่อรอง”

โดยจังหวะเลือกตั้งจังหวัดอุดรธานี อดีต “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” ที่ยกระดับเป็น “มหานครประชาธิปไตย” เป็นสนามนำร่องกู้ศรัทธา กู้กระแส ที่วูบหายไปจากการแหกขั้วเสรีประชาธิปไตย พลิกลิ้นไปจับมือกับฝ่ายโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ผสมพันธุ์กับเครือข่ายทหารเฒ่า 3 ป.

สนามเล็กชิงเก้าอี้นายก อบจ. แต่ “ทักษิณ” ฉวยเหลี่ยมฉายภาพสนามใหญ่

ใช้หัวเมืองภาคอีสาน เป็นเวทีในการโชว์ “อยู่เป็น” หักหัวยูเทิร์น 180 องศา กระโดดร่วมขบวนพิทักษ์ มาตรา 112 ถีบส่งเพื่อนรุ่นน้องอย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณกองทัพส้ม

อารมณ์ยกตัวเองเป็นผู้จงรักภักดี ชี้เป้าประจานหัวขบวนทีมเด็ก คือตัวอันตรายของสถาบัน จ้องพังโครงสร้างประเทศไทย และยังตั้งใจแขวะ อาการหมั่นไส้ แซะ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตัวเรียกแต้มด้อมส้ม เย้ยค่ายประชาชนกลัวแพ้ ต้องแห่ “พระเอกเกาหลี” มาช่วยหาเสียง

ประจาน “ธนาธร” เหน็บแนม “พิธา” ลีลาเก๋า “นายใหญ่” ตีลูกระนาดใส่ทีมเด็ก เลยโดนวงออเคสตราค่ายส้ม เรียงหน้ากระดานตอบโต้กลับแบบแสบๆคันๆ

และนั่นยังโยงกระแทก “จุดอ่อนไหว” ชี้เป้าประจาน “อภิสิทธิ์ชน” วีไอพี ชั้น 14 พรรคประชาชนเดินหน้าลุยเขย่า “จุดสลบ” ของประมุขจันทร์ส่องหล้า จากที่เลี่ยงๆ ไม่อยากร่วมขบวนกับสลิ่มโจทก์หลักของ “ทักษิณ”

ณ จุด “สับราง” วิถีอำนาจ “ทักษิณ” กับ “ธนาธร” แตกอุดมการณ์ พรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย อยู่ในเส้นทางขนาน

ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ ที่จะร่วมขบวนรัฐบาลเดียวกัน

ปรากฏการณ์แบบที่ “หนุ่มทิม” ยอมรับสภาพ การปะทะกันหนักๆของ “นายใหญ่” และลูกหาบเพื่อไทย กับกองทัพส้ม ค่ายประชาชน ในสมรภูมิเลือกนายกอุดรฯ

ทำให้ฝ่ายกุมเกมอำนาจประเทศไทยแอบยิ้มสะใจ

เพราะมันคือการแตกแยกกันชัดๆของแนวร่วมเสรีประชาธิปไตย จากนี้ไปไม่ต้องระแวงพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนจะจับมือกัน

วงอำนาจการเมืองไทยเลิกซับซ้อน เหลือเดิมพันคั่วไพ่หน้าเดียว

ทีมเด็กรุ่นใหม่ กองทัพส้ม ได้เปรียบกระแส แต่ต้องออกแรงเหนื่อยอีกพักใหญ่ กับหมุดหมายปลายทางอยู่ที่การกวาดสนามเลือกตั้ง โกยแต้มเกิน 250 เสียง เกินครึ่งสภาฯ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้องพึ่งใครตั้ง “นาฬิกาทราย” นับถอยหลังอีก 9 ปี รอพระเอก “พิธา” พ้นโทษแบน กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำในฝันเหมือนหนังเกาหลี

ขณะที่งานหนักของพระเอกหนังไทยวัยดึกอย่าง “ทักษิณ” ต้องฝืนสังขารเล่นบท “ผู้ครอบครอง” ประคอง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนสุดท้องตระกูลชิน

เหนื่อยรายวัน ไม่มีเวลาเลี้ยงหลานแน่

แม้จะเบาตัวในสนามรบ “นิติสงคราม” ระดับหนึ่ง ตามคิวสดๆร้อนๆที่ศาลรัฐธรรมนูญ “ตีตก” ข้อหาล้มล้างการปกครองฯของ “นักร้อง” วงบ้านป่าฯ ไม่ต้องลุ้นฉี่เหนียวในเกมล้มกระดานรัฐบาล

แต่ภารกิจหนักๆในการลากอำนาจ แลกธงนำขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ยังเป็นงานยาก

โจทย์ซ้อนโจทย์หลายชั้น ทั้งศึกนอกทั้งศึกใน ท้าทายสิงห์เฒ่าในตำนาน

เพราะนอกจากต้องแสดงแสนยานุภาพ กำราบทีมเด็กส้มในสนาม ยื้อตั๋วดีลอำนาจลังกาวีที่พร้อมเปลี่ยนมือได้ตามพลังในเกมเลือกตั้ง

อีกทางก็ต้องฝืนกล้ำกลืน กอดคอ ตุ๊ยท้องไปกับเกรียน 2 น. เอาล่อเอาเถิดกับ “ครูใหญ่” นายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณทีมเซราะกราว และ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่คุมด่าน “สว.สีน้ำเงิน” เบรกทีมเพื่อไทยไม่ให้ทะลุซอยง่ายๆ

ต่างฝ่ายต่างระแวง อาการพร้อมเสียบหลัง หักเหลี่ยมโหด แบบที่เพื่อไทยซ่อนมีด “เขากระโดง” อีกทางภูมิใจไทย ก็ซ่อนดาบ “ธรณีสงฆ์ อัลไพน์”

ไร้ความจริงใจ “เพื่อนกิน” วงแตกได้ทุกขณะ

แต่จับไต๋ “ทักษิณ” ไม่มีทางโดดหนีขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมแน่ ตราบใดที่ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้กลับเมืองไทย ตั๋วเครื่องบินเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากเดือนตุลาคมปีนี้ ดีเลย์ไปสงกรานต์ เมษายนปีหน้า 2568 “นายใหญ่” โยนหินแล้ว ยังเช็กสัญญาณตอบรับไม่ทะลุ

เกมบังคับ ห้าวเป้ง หลบต่ำ กลืนเลือด ต้องสลับดอกกันไป.

“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม