ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้วงจรการเมืองจากอดีตถึงปัจจุบันมีส่วนคล้ายกันในท่วง ทำนองระหว่างคนการเมืองกับศาลการเมือง

คดี “ซุกหุ้น” กับ “ล้มล้างการปกครอง”

“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ศาลรัฐธรรมนูญ”

ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่รับคำร้องกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัย “ทักษิณ–เพื่อไทย” มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองและครอบงำพรรคการเมือง

เมื่อไม่รับคำร้อง “ทักษิณ” ก็เป็น “พยัคฆ์ติดปีก” อีกครั้งหนึ่ง

ถ้าไม่ลืมกันก่อนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ถูกร้องเรื่อง “ซุกหุ้น”

ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่เอกฉันท์ให้พ้นผิด...

ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วแสลงใจไม่น้อย “บกพร่องโดยสุจริต” คือมีความผิดแต่ไม่มีเจตนาก็ทำให้เขารอดมาได้

ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีโลดแล่นบนเวทีการเมืองอย่างทรนงองอาจจนถึงทุกวันนี้ จากอดีตนายตำรวจและนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาเป็นผู้นำการเมืองกระฉ่อนโลก

ด้วยการสร้าง “ธุรกิจการเมือง” ด้วยใช้การตลาดนำ ทำให้เขาประสบความสำเร็จด้วยการบริหารพรรคการเมืองแบบบริษัท จำกัดโดย

นักการเมืองในสังกัดคือ “ลูกจ้าง” แบบบริษัททั่วๆไป

ความสามารถจากความเก่งกาจโดยใช้เทคโนโลยีและความก้าวหน้าเข้ามาผสมผสานรวมถึงการใช้อำนาจที่มีอยู่

ทำให้พรรคการเมืองของเขาเติบใหญ่ได้ สส.มากที่สุด

นักการเมืองในสังกัดต่างสวามิภักดิ์ เพราะเขาสามารถผลักดันให้ขึ้นชั้นทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีทำให้ทุกคนสยบยอม

เป็นบุญเป็นคุณจนถึงทุกวันนี้...

แต่คนเรานั้นเมื่อมีอำนาจมากก็ย่อมมีบุญบารมีแก่กล้าใช้อำนาจไปในทางที่ดีบ้าง ทางร้ายบ้าง จนชีวิตเขาต้องประสบชะตากรรมเหมือนอย่างที่เขาบอกว่า “เจอมาหมดทุกอย่างแล้ว” จึงไม่ค่อยเกรงกลัวอะไร

...

ถูกยึดอำนาจและต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปี พร้อมคดีติดตัว ซึ่งเขาโทษว่าทำให้ชีวิตเขาเป็นอย่างนี้

แต่ไม่ได้โทษตัวเองเลย...

ไม่มีใครคิดว่าเขาจะได้กลับเมืองไทย เพราะไม่มีช่องทางเนื่องจากเขาบอกว่าจะต้องกลับอย่างเท่ๆ

คือไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว!

แต่ปรากฏว่าการเมืองไทยมีความเปลี่ยนแปลง เมื่อมีพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ไฟแรงประกาศจะเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ

“ก้าวไกล” คือพรรคการเมืองนั้นที่ชนะเลือกตั้งมาอันดับ 1 เหนือกว่า “เพื่อไทย”

นั่นแหละเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “ทักษิณ” ได้กลับบ้านตามที่ต้องการเมื่อมี “ดีล” พิเศษสุดด้วยข้อตกลงว่าเขากลับมาได้ แต่จะต้องเป็นหัวหอกนำหน้า

ไม่ให้พรรคคนรุ่นใหม่ได้เป็นรัฐบาลและมีอำนาจ

เขายอมรับผิดในคดีต่างๆโดยดุษฎีและกลับเมืองไทย โดยไม่ติดคุกแม้แต่ วันเดียว และสร้างนำ “เพื่อไทย” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่มีลูกสาวเป็นนายก รัฐมนตรี

“ก้าวไกล” ที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคหวังเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถเป็นได้ เพราะอะไร

“ทักษิณ” นั้นรู้ดีที่สุด!

ด้วยการที่มีพรรคการเมืองหนุนหลังมีคนเสื้อแดงเป็นพลังมวลชนสนับสนุนทำให้ได้รับความไว้ใจจากผู้มีอำนาจตัวจริงของประเทศนี้

เขาจึงกลับมามีบทบาททางการเมืองสูงเด่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะพรรคการเมืองอื่นในแนวอนุรักษนิยมต่างไม่มีพลังพอ

การที่เขารอดจากคดีย่อมถูกมองว่ามี “พลังพิเศษ” หนุนหลัง

จากนี้ไปก็คงต้องผลักดันให้รัฐบาลที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีนำรัฐนาวาอยู่ไปจนครบเทอมเพื่อชิงชัยในสนามเลือกตั้งปี 2570

เป็นการพิสูจน์ว่าเขาจะทำได้หรือไม่?

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม