“ทักษิณ-พท.” โล่งอก ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้อง “ธีรยุทธ” กล่าวหาร่วมกันใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองฯ ชี้จะตัดสินเข้า ม.49 วรรคหนึ่ง ต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนพอและการกระทำไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ มติเอกฉันท์ไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่รับคำร้องปมสั่งรัฐบาลจัดให้เข้าพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ เลี่ยงติดคุก ฮั้วพรรค ปชน.แก้รัฐธรรมนูญ ชี้นิ้วตั้งรัฐบาล เลือกนายกฯ ถีบทิ้งพรรค พปชร. และ มติ 7 ต่อ 2 เป่าทิ้งกรณีเอื้อกัมพูชาแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล “แพทองธาร” ดีใจพ่อ-พท.พ้นบ่วง ตีปีกต่างชาติเชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาล ทีมกฎหมาย พท.เช็กบิลฟ้องกลับ “ธีรยุทธ” ร้องเท็จ “คนคลั่งชาติ” หอบแสนรายชื่อจี้นายกฯยกเลิกเอ็มโอยู 44 “นายกฯอิ๊งค์” บอกให้เอาเหตุผลมาคุยกัน ยันตั้งกรรมการเจทีซีเสร็จในเดือนนี้

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติคำร้องกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร นักกฎหมายอิสระ ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น โดยมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีการพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ การสั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการจัดตั้งรัฐบาล และมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่รับคำร้องกรณีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา

ศาล รธน.ชี้ขาดคดี “ทักษิณ–พท.” ล้มล้างฯ

เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 22 พ.ย. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารผลการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นักกฎหมาย (ผู้ร้อง) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ดังนี้ 1.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤติ 2.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกฯของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา

...

3.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรค ก.ก.เดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างฯ 4.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยเจรจากับแกนนำของพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกฯคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1 ประเด็นที่ 5.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลและ 6.ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา

ชี้พฤติการณ์ต้องไม่ไกลเกินกว่าเหตุ

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้วินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ ต่อมาสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดตามหนังสือเรียกเอกสาร หลักฐาน หรือบุคคลของศาลรัฐธรรมนูญ ตามลำดับ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาล รัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ

เอกฉันท์ตีตกปมชั้น 14 รื้อ รธน.ตั้ง รบ.

เอกสารผลการประชุมระบุอีกว่า ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสอง น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6

มติ 7 ต่อ 2 ไม่รับปมเอ็มโอยู 44

สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการ
ปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้

“อิ๊งค์” ดีใจพ่อ–พท.พ้นบ่วงคดีล้มล้างฯ

เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรค พท.กระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองฯ โดย น.ส.แพทองธารหันไปสอบถามข้อมูลกับทีมงานที่ยื่นคำวินิจฉัยให้นายกฯอ่านอยู่ 2-3 นาที ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า “ดีค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้เป็นข่าวดีตลอดเวลา ข่าวที่ได้รับวันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี รู้สึกดีใจ” และไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร ต้องทำงานต่อไปข้างหน้าอยู่แล้ว เพราะเราต้องแบ่งเรื่อง เรื่องของประเทศชาติต้องรับผิดชอบ เรื่องของนายทักษิณต้องให้กำลังใจ เมื่อถามว่าคำสั่งศาลออกมาเช่นนี้จะลดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า การเมืองต้องเดินหน้าต่อไป รัฐบาลต้องทำงานต่อไป และกรณีนายทักษิณ สิ่งที่ท่านทำไม่ใช่สิ่งที่ถูกฟ้องร้อง ทำให้คิดว่าทุกคนที่ให้กำลังใจนายทักษิณอยู่ จะรู้สึกโอเคขึ้น รู้สึกนิ่งขึ้น

ตีปีกต่างชาติได้มั่นใจ รบ.มั่นคง

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาล เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า สิ่งนี้คือสิ่งจำเป็น เข้าใจเรื่องการเมืองคนวิพากษ์วิจารณ์ได้ เราเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เราต้องพยายามทำให้รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาทำงานให้จบ 4 ปี เพื่อนโยบายจะได้เสร็จสมบูรณ์ ต่างชาติจะได้ไม่ต้องคิดว่าการที่รัฐบาลไทยจะอยู่ครบ 4 ปีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อยากให้คิดว่าเมื่อเลือกตั้งแล้ว เลือกคนนี้มาพรรคนี้ตั้งรัฐบาล เสร็จแล้วมีอายุทำงาน 4 ปีในระบบควรเป็นอย่างนั้น ให้ทั่วโลกเข้าใจตรงกันแบบนี้ เพราะการเข้ามาลงทุนเขาต้องคิดแล้วว่า 2 ปีข้างหน้าชัวร์และอีก 2 ปี เป็น 4 ปีชัวร์ จะได้คิดว่าจะลงทุนอะไร เหมือนเราจะลงทุนที่ไหน จะเช่าร้านปีต่อปีจะต่อสัญญาหรือไม่ ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ดังนั้น ความมั่นคงของรัฐบาลเป็นเรื่องจำเป็นมาก

ยึดหลักธรรมะดีใจเสียใจอย่างมีสติ

เมื่อถามว่า นายกฯมีภูมิคุ้มกันทางการเมืองมากกว่านายกฯคนอื่น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันทุกคนคงมี แต่ภูมิคุ้มกันแบบนี้ต้องใช้พลังใจเยอะหน่อย คือเราพยายามมีสติ ยึดหลักธรรมะเวลาดีใจต้องดีใจอย่างมีสติ เวลาเสียใจก็เสียใจอย่างมีสติ ที่เห็นตอนนี้พยายามมีสติ กำลังย่อยข้อมูลว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณไปพูดที่งาน Forbes ระบุว่าเคยอยู่มาทั้งสวรรค์และนรกแล้ว น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คำนี้พูดประจำ นายทักษิณบอกว่าอายุ 70 กว่าแล้ว ชีวิตนี้เห็นมาหมดแล้วทั้งนรกทั้งสวรรค์ มักพูดว่าทุกวันนี้มีความสุข เพราะได้กลับบ้านได้เจอลูกเจอหลาน ถ้าไม่สบาย พวกเราดูแลได้ เพราะตอนที่อยู่เมืองนอก ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ ท่านพยายามจะไม่ป่วย พยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเวลาไม่สบายอย่างตอนที่เป็นโควิด มีอาการหนักมาก

เปรียบ “กรวดในรองเท้า” ถ่วงรั้งพัฒนา

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ถ้าการร้องอยู่บนพื้นฐานอคติทางการเมือง สิ่งต่างๆเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว เราผ่านมาได้ส่วนหนึ่ง แต่มั่นใจว่าไม่ใช่กรณีสุดท้าย คงจะมีการร้องกันอยู่เรื่อยๆ เรากังวลตลอดเหมือนกับกรวดในรองเท้า ทำให้รู้สึกไม่ราบรื่น ยอมรับว่าขจัดออกไปไม่ได้หรอก แต่ขอความกรุณาให้มองถึงภาพรวมของประเทศ เมื่อถามว่าจากหลายปัจจัยทำให้ช่วงนี้นายทักษิณสบายใจขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่หรอก แต่ท่านพูดเสมอว่าอายุเยอะแล้ว การจะนำประเด็นของท่านมาเกี่ยวข้องตลอดคงไม่ได้ ควรก้าวข้ามไปได้แล้ว เพราะหัวหน้าพรรค พท.และนายกฯคนปัจจุบันชื่อแพทองธาร ชินวัตร สิ่งต่างๆที่นายทักษิณยกขึ้นมาเป็นข้อแนะนำ พวกเรารับฟังไว้ อันไหนปฏิบัติได้ก็ทำ อันไหนปฏิบัติยากต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่มาครอบงำอะไร

“ชูศักดิ์” ให้ฝ่ายกฎหมาย พท.ถกเช็กบิล

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรค พท.ยุติการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ จะผูกพันไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นกรณีเดียวกันหรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับประเด็นที่ศาลวินิจฉัยไม่รับ ด้วยเหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ เราคิดว่าได้รับความยุติธรรม เพราะเคยบอกแล้วว่าอ่านดูแล้วไม่รู้กี่รอบไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครองอะไรเลย หากไปดูตามลายลักษณ์อักษรทั้งหมดมันไม่เข้าจริงๆ เมื่อถามว่าผลออกมาเช่นนี้ จะมีการฟ้องร้องบรรดานักร้องต่างๆที่มาร้องเรื่องนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรค พท.กำลังประชุมอยู่ แนวโน้มว่าจะฟ้องหรือไม่ให้ไปคาดเดากันเอง

พท.เอาคืนฟ้อง “ธีรยุทธ” ร้องเท็จ

ต่อมานายชูศักดิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค พท.มีมติยื่นฟ้องผู้ที่ยื่นคำร้องกรณีกล่าวหาพรรค พท.ล้มล้างการปกครองในข้อหาร้องเท็จต่อศาลอาญา รายละเอียดคณะทำงานกฎหมายพรรคกำลังพิจารณา คงยื่นฟ้องเร็วๆนี้ เมื่อถามว่าการฟ้องครั้งนี้เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ดำเนินการลักษณะนี้ต่อไปหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า การฟ้องโดยอ้างว่าล้มล้างการปกครองถือเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับพรรคการเมือง ถือเป็นความผิดมหันต์ ที่เขากล่าวหาเราแบบนี้ ส่วนจะป้องกันการกระทำแบบนี้ในอนาคตได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ครั้งนี้เราขอตัดสินใจใช้สิทธิ

จ่อชง ปธ.กมธ.ตีความ ก.ม.ประชามติ

นายชูศักดิ์ยังกล่าวถึงการตีความร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติว่าเป็นกฎหมายการเงินว่า ขอแก้ข่าวตามมาตรา 138 วรรคท้าย ไม่ใช่มาตรา 137 จะลดเวลาพักกฎหมายจาก 180 วันเป็น 10 วัน เช็กดูประธานรัฐสภาเคยวินิจฉัยก่อนการพิจารณากฎหมายแล้วว่าไม่ใช่กฎหมายการเงิน แต่รัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าหากสงสัยว่าเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ ต้องยื่นให้ประธาน กมธ.สามัญของสภาฯทุกคณะวินิจฉัยได้เลย จะนำไปหารือกับประธานวิปรัฐบาล หากเข้าเงื่อนไขเป็นกฎหมายการเงินไม่ต้องรอถึง 180 วัน ถือเป็นความเห็นทางกฎหมาย

“พิธา” หนุนไม่ควรมีพรรคถูกยุบง่ายๆ

ช่วงเช้าที่ จ.อุดรธานี แกนนำพรรคประชาชน (ปชน.)พร้อมผู้ช่วยหาเสียง อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก.ไปร่วมขบวนหาเสียงกระจายเป็น 6 สายช่วยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี พรรค ปชน. หาเสียง นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า พรรค ปชน.มีกลยุทธ์เปลี่ยนใจคนให้ออกมาใช้สิทธิ และเปลี่ยนใจให้มาลองของใหม่ ผลโพลออกมาว่า 50 % คนยังไม่ได้ตัดสินใจ โอกาสพรรค ปชน.ไล่กวดคะแนน เชื่อว่าจะพลิกมาชนะได้ ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องนายทักษิณและพรรค พท.ล้มล้างการปกครองฯ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ไม่ควรมีพรรค ไหนถูกองค์กรใดยุบพรรคง่ายๆ หากเป็นการกระทำอื่นที่ไม่ใช่การรัฐประหาร การแบ่งแยกดินแดน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของรัฐ ไม่ควรมีโทษประหารทางการเมือง ควรเสมอภาคกันไม่ว่าพรรคใด

“อิ๊งค์” จัดมื้อเย็นเบิร์ธเดย์ “คุณหญิงอ้อ”

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้าปฏิบัติหน้าที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.30 น. ด้วยรถเบนซ์ส่วนตัว ทะเบียน 4 ขท 2566 กรุงเทพมหานคร โดยพา ด.ญ.ธิธาร สุขสวัสดิ์ บุตรสาวและ ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชาย มาด้วย จากนั้นเวลา 12.10 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์กรณีวันคล้ายวันเกิดคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา อายุครบ 68 ปีว่า “ใช่ค่ะ ดีใจจังที่สื่อทราบด้วย” ช่วงเช้าไม่ได้ทำบุญกับคุณแม่ กลัวติดเวลาทำงาน จึงแบ่งหน้าที่ให้ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวพาคุณแม่ไปทำบุญ เย็นนี้กลับไปทานข้าวด้วยกัน ของขวัญวันเกิดที่จะให้คุณแม่ แม่ยังไม่ได้แกะเลย บอกก่อนไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้บอกรอให้แม่แกะก่อน เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น อุ้ยไม่บอกดีกว่า เปลี่ยนใจแล้ว น.ส.แพทองธารเอามือป้องปากกล่าวอย่างอารมณ์ดี

นายกฯชวน “โอปอล” โปรโมตผ้าไทย

เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯให้การต้อนรับนางปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด และ น.ส.สุชาตา ช่วงศรี (โอปอล) รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าเยี่ยมคารวะพร้อมมอบพวงมาลัยให้นายกฯ ทันทีที่พบน้องโอปอล น.ส.แพทองธารชมว่าสวย ขณะนี้น้องโอปอลกล่าวชมนายกฯว่า “ตัวจริงนายกฯ สวยกว่าในรูป” นายกฯจึงขอบคุณและกล่าวติดตลกว่า “น้องพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ทำให้พี่เครียด” จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวแสดงความยินดี และดีใจปีนี้คนไทยติด 1 ใน 3 อีกแล้ว เก่งมาก พร้อมสอบถามถึงการใส่ผ้าไทย น.ส.สุชาตาตอบว่า ชอบใส่ผ้าไทย ตอนไปอยู่เวทีการประกวดได้รับการชื่นชมจากต่างชาติมาก นายกฯจึงกล่าวว่า เวลาเราไปต่างประเทศ เป็นตัวแทนประเทศ อย่างเวลาตนไปเมืองนอกเน้นผ้าไทย เป็นโอกาสทำให้คนทั่วโลกเห็น อยู่ทำเนียบฯไม่ได้ใส่ทุกวัน แต่ถ้าวันไหนต้องไปพบต่างชาติจะใส่ เมื่อมีโอกาสดีเราจะขายของได้ง่าย และหากเป็นไปได้อยากให้ น.ส.สุชาตามาช่วยโปรโมตผ้าไทย ชอบอยู่แล้วยิ่งดี

คนสวยอวยกันไปมาครึกครื้น

จากนั้น น.ส.สุชาตากล่าวถึงเวทีการประกวดหลายเวทีสามารถโยงวัฒนธรรมไทยเข้ากับที่โน่นได้ ซึ่งตนได้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็นผู้นำ ทั้งนี้ รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเพราะเมืองที่ตนไปมีนายกฯเป็นผู้หญิง ตนจึงบอกว่าบ้านฉันก็มีนายกฯเป็นผู้หญิงและวัฒนธรรมหลายอย่างคล้ายคลึงกัน และช่วงหนึ่ง น.ส.แพทองธารสอบถามถึงคุณสมบัติของนางงามที่เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส น.ส.สุชาตาบอกว่า กองประกวดไม่จำกัดอายุส่วนสูง และน้ำหนัก พร้อมกล่าวแซว น.ส.แพทองธารว่า “นายกฯก็ประกวดได้” ทำให้ น.ส.แพทองธาร หัวเราะบอกว่า “ไม่ไหวค่ะ” ต่อมานายกฯได้ถ่ายภาพร่วมกับ น.ส.สุชาตา ที่โถงกลางภายในตึกไทยคู่ฟ้า ยืนคุยกับ น.ส.สุชาตาอย่างเป็นกันเอง

“ทักษิณ” เมินเข้าชี้แจง กมธ.มั่นคงฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภาในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน วาระสำคัญพิจารณากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารักษาตัวชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจ ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยนายทักษิณไม่ตอบรับเข้าร่วมประชุม ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ตอบรับ ด้านกรมราชทัณฑ์ มอบให้ ผอ.กองทัณฑปฏิบัติกลุ่มงานพักการลงโทษมาชี้แจงแทน ก่อนเข้าสู่วาระ กมธ.ซีกรัฐบาล นำโดยนายประยุทธ์ ศิริพานิช สส.บัญชีรายชื่อ นายซูกาโน่ มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ขอหารือให้ประชุมลับพิจารณาว่า กมธ.มีอำนาจพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ เกรงว่าจะขัดจริยธรรม สุ่มเสี่ยงอาจถูกฟ้องได้ ขณะที่ กมธ.พรรค ปชน.และนายรังสิมันต์ โต้แย้งว่าเป็นอำนาจหน้าที่ กมธ.พิจารณาได้ ประธานสภาฯ ไม่ได้ท้วงติงอะไร

“ทวี” แจงยันทำถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อมา 11.30 น. กมธ. ได้เชิญ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมลับ ภายหลังการชี้แจง พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์ว่าได้ให้ข้อมูลตามที่ได้รับรู้จากเอกสารและตอบข้อเท็จจริงทุกคำถามของ กมธ.จึงมาชี้แจงเอง ทุกคนมีเกียรติเหมือนกัน การให้เกียรติกันเป็นสิ่งที่จำเป็น ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวง ยธ.ทุกคน ปฏิบัติตามกฎหมาย ขั้นตอนส่งตัวนายทักษิณไปพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทราบตามเอกสาร ไปดูหลักฐานกรมราชทัณฑ์ได้รับแจ้งจากสื่อว่านายทักษิณจะกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค.66 จึงตั้งเรื่องประสานงานศาลต้นเรื่อง กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติโดยชอบด้วยระเบียบกฎหมายและวิธีปฏิบัติ หากจะมีใครเห็นต่างกว่านั้น ต้องมีหลักฐานไปหักล้าง ยืนยันใช้ห้องพักรักษาเป็นห้องควบคุม สถานพยาบาลจัดเตรียมให้ ส่วนเวชระเบียนจะให้แก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้หรือไม่ อยู่ที่ รพ.ตำรวจ ตามกฎหมายสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 7 เป็นกฎหมายเข้มงวด ต้องถามผู้ป่วยว่าจะอนุญาตหรือไม่ แต่ รพ.ยืนยันว่าได้รับค่ารักษาพยาบาลตลอดที่พักรักษาตัว ในค่ารักษาพยาบาลระบุค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล อาจดีกว่าเวชระเบียน และยืนยันว่าเวชระเบียนมีจริง ในฐานะต้องรับทราบตามกฎหมายเมื่อครบ 120 วัน รวมถึงยังมีใบแพทย์ด้วย

กมธ.จ่อบุก รพ.ตำรวจดูให้สิ้นสงสัย

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า จากเดิมที่ว่ามี 2 พยาบาลวินิจฉัยโรคและลงนามส่งตัวนายทักษิณ แต่วันนี้ได้รับข้อมูลใหม่ว่าช่วงเวลา 11 โมงของวันดังกล่าวมีแพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์วินิจฉัยสุขภาพของนายทักษิณก่อน และช่วงกลางคืนนายทักษิณมีอาการ จึงสั่งให้ส่งตัวนายทักษิณไป รพ.ตำรวจ ยังไม่ทราบชื่อแพทย์เป็นใคร ได้เห็นใบความเห็นแพทย์ที่ระบุอาการป่วยนายทักษิณหลายอย่าง แต่ รมว.ยุติธรรม ย้ำว่าไม่อยากให้เปิดเผยรายละเอียด อาจขัดกับภาพที่เราเห็นนายทักษิณลงจากสนามบิน จึงต้องไปดูในเวชระเบียนที่รัฐมนตรีรับปาก กมธ.มีข้อสรุปจะเดินทางไป รพ.ตำรวจ ตั้งใจไปประชุมกันที่นั้น จะเชิญแพทย์ที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วยจะไปดูชั้น 14 จะได้สิ้นสงสัย ค่าใช้จ่ายการรักษา พ.ต.อ.ทวีให้ข้อมูลมียอดรวมล้านกว่าบาท

“คนคลั่งชาติ” ยื่น รบ.ยกเลิกเอ็มโอยู 44

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมแนวร่วมกลุ่มคนคลั่งชาติ นำรายชื่อประชาชน 104,697 รายชื่อยื่นถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 กลัวหากเดินหน้าต่อจะทำให้ไทยเสียดินแดนทางทะเล โดย นพ.วรงค์กล่าวว่า หลายภาคส่วนขยับ ประชาชนตื่นตัวมาก หากรัฐบาลยังเดินหน้า เชื่อว่าม็อบจะมาบุกทำเนียบฯ การตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ไม่ได้ประโยชน์ รัฐบาลชุดนี้ชอบยอมกัมพูชา และยังโกหกประชาชนที่บอกว่าถ้ากัมพูชาไม่ยินยอมเราจะยกเลิกไม่ได้ เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ลาออกไปเลย ขอท้ารัฐบาลดีเบตใครจัดก็ได้ ประเทศนี้ไม่ใช่ของใครตระกูลใด คนไทยฝากถามว่าตระกูลคุณกับตระกูลกัมพูชามีอะไรกันหรือไม่ ทำไมถึงยอมกัมพูชาทุกอย่าง

นายกฯให้เอาเหตุผลมาคุยกัน

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อร้องเรียนของกลุ่มคนคลั่งชาติว่า เส้นที่ขีดไว้ทั้งกัมพูชาและไทย เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ไม่ใช่พื้นที่เคาะแล้วว่าเป็นของใคร ขอย้ำว่าไม่เกี่ยวกับเกาะกูดและเป็นสิ่งที่เราต้องตั้งคณะกรรมการคุยกัน ไทยกับมาเลเซียก็มีเรื่องประมาณนี้ ไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่ แต่เราแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ก๊าซธรรมชาติของกัมพูชา จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาว่าจุดนี้จะทำกันอย่างไร การมีเอ็มโอยูเพื่อนำข้อที่ไม่เห็นด้วยมาคุยกัน ยกตัวอย่างเช่น ไม่เห็นด้วยกับเส้นที่ขีด นำมาคุยกัน หากคุยกันแล้วไม่ลงตัว ฉันไม่ถอย เธอไม่ถอยจะทำอย่างไรดี แบ่งผลประโยชน์กัน คณะกรรมการต้องไปคุยกันต่อว่าจะเอาแบบไหน ถามว่าที่มาล่ารายชื่อจะยกเลิกเพื่ออะไรให้เอาเหตุและผลมาคุย

ไม่เกินเดือนนี้ตั้ง กก.เจทีซีเสร็จ

เมื่อถามว่ารัฐบาลพร้อมคุยใช่หรือไม่ เพราะนพ.วรงค์ท้าดีเบต นายกฯกล่าวว่า ประชาชนทุกคนมีความหมายอยู่แล้ว การที่เขาไม่เห็นด้วยและเป็นเรื่องที่ต้องอธิบาย อย่างที่ทั้งตน รมว.ต่างประเทศและผู้รู้พยายามให้ข้อมูล ถ้าข้อมูลด้านไหนไม่พอ ให้ถามเพิ่มเติมมาได้ เมื่อถามว่าจะได้คณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) เมื่อไหร่ นายกฯกล่าวว่า ใกล้แล้วไม่น่าจะเกินเดือนนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุว่าใกล้เรียบร้อยแล้ว ส่วนประธานคณะกรรมการฯคือนายภูมิธรรมหรือไม่ ตอนนี้รูปแบบน่าจะเป็นประมาณนั้น

พท.อัดข้ออ้างซ้ำซาก มโนเกินจริง

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า นพ.วรงค์พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกอ้างว่าไทยไปยอมรับเส้นไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศ ปัจจุบันไม่ยอมรับเส้น คือสาเหตุต้องมาเจรจากันตามเอ็มโอยู 44 โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันแล้วว่าไทยไม่ได้ยอมรับเส้นของกัมพูชา เชื่อว่าวิญญูชนจะคิดได้ว่าถ้าไทยยอมรับเส้นของกัมพูชาแล้ว จะไปเจรจากันทำไม ถ้าเอ็มโอยู 44 มีผลเสีย ทำไมเกือบทุกรัฐบาลในอดีตล้วนใช้เอ็มโอยู 44 เป็นกรอบเจรจาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับกัมพูชา และระหว่างความเห็นของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองประชาชนรู้ว่าควรเชื่อใคร

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่