พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ปมขุมทรัพย์อ่าวไทย เตือนรัฐบาลอย่าแบ่งผลประโยชน์ มีวาระซ่อนเร้น ลั่น หากจริงใจแก้พลังงานแพง เร่งปรับโครงสร้างก่อน
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ในนามพรรคว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีนโยบายเร่งด่วน นโยบายที่ 3 จะเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิ์กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา สรุปว่า พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกผลประโยชน์ทางทะเล หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เป็นประธาน JTC นั้น พรรคไทยสร้างไทยรู้สึกกังวลกับความเห็นของประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ต่อปัญหา MOU 44 ที่ให้ความสำคัญกับอธิปไตยของประเทศ และทรัพยากรทางทะเลในอ่าวไทยเป็นอย่างมาก พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าแม้การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาและมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรมในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลจะเป็นสิ่งที่ดี แต่จะต้องกระทำโดยสุจริตใจของทั้งสองฝ่ายเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ แต่การดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ดูเหมือนจะมีความไม่ชอบมาพากล ดังต่อไปนี้
1. วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ทางการเมือง Vision for Thailand 2024 ณ พารากอน ฮอลล์ กทม. โดยหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ ดร.ทักษิณ แนะนำรัฐบาล น.ส.แพทองธารฯ ให้เร่งดำเนินการ คือ เรื่องพื้นที่อ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีประหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Overlapping Claims Area หรือ OCA) ซึ่ง ดร.ทักษิณเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน แต่เป็นเรื่องของการนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกันฝั่งละ 50% หากไม่เร่งดำเนินการ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ อีกไม่เกิน 20 ปี จะใช้ไม่ได้
2. วันที่ 12 กันยายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีนโยบายเร่งด่วน นโยบายที่ 3 ที่จะทำทันที คือ การสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และการเจรจาประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิ์กับประเทศเพื่อนบ้าน (OCA) เพื่อลดต้นทุนด้านการพลังงาน ฯลฯ
3. วันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยย้ำว่าเกาะกูดเป็นของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ประเทศ เตรียมนั่งประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ดึงสภาพัฒน์ฯ กฤษฎีกา ร่วมประชุมแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล
4. ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้นำอาวุโสทางการเมืองซึ่งมีอำนาจสูงสุดทางพฤตินัยของประเทศเพื่อนบ้านคือ สมเด็จฮุนเซน ได้เดินทางมาพบกับ ดร.ทักษิณที่บ้านพัก ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็นนักโทษ
...
จากกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปได้ว่า มีการหารือตกลงในเรื่องดังกล่าวจนนำไปสู่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณ พรรคไทยสร้างไทยจึงเห็นว่า ยังไม่ควรมีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ในทรัพยากรใต้ทะเลขณะนี้ จนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทุกอย่างเป็นไปโดยสุจริตใจ ถูกต้อง และเป็นธรรมตามหลักกฎหมายสากล เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตอบสนองผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก ขณะเดียวกันขอให้นำพระบรมราชโองการที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 18 พฤษภาคม 2516 ในเรื่องดังกล่าวมาเป็นหลักสำคัญในการกำหนดกรอบนโยบายการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะพระบรมราชโองการนั้นได้กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยมูลฐานกฎหมายระหว่างประเทศไว้แล้ว และการแบ่งปันผลประโยชน์จะต้องกระทำโดยรอบคอบ ไม่กระทบต่ออธิปไตย ทั้งต้องมีความชัดเจนโปร่งใสว่าเป็นไปโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น
นอกจากนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาราคาพลังงานที่ประชาชนจำต้องแบกรับภาระในอัตราที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นเช่นในปัจจุบัน ก็จะต้องเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้าให้มีราคาถูกลง ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชนเสียก่อน โดยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยข้ออ้างที่ว่าจะได้นำทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้เลย หากไม่ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงในฐานะเจ้าของทรัพยากรของประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังเจ็บปวดและหนักหนาสาหัส กับการที่จะต้องซื้อน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าใช้ในราคาแพง ทั้ง ๆ ที่ทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานของไทยเรามีอยู่อย่างมากมาย และยังมีเหลือส่งไปขายต่างประเทศ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชน มากกว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก
พรรคไทยสร้างไทย