ทุกกระบวนท่าที่เคลื่อนไหวล้วนสะท้อนภาพความเป็นไปในทุกมิติหลังจากที่ออกมาแสดงตัวตนให้ปรากฏความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่แค่ที่อุดรฯเท่านั้น
แต่ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศด้วยความมั่นใจมากขึ้น โดยระบุว่าน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศจะเดินทางกลับประเทศไทยช่วงสงกรานต์คือเดือน เม.ย.68
เรื่องนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยเกริ่นมาแล้วแต่ก็เงียบหายไปจนกระทั่งล่าสุดได้ตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะ พิจารณารับหรือไม่รับคำร้องกรณีที่ถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ในวันที่ 22 พ.ย.67 นี้
นั่นเท่ากับว่าเขามั่นใจว่าจะต้องรอดไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา
คำถามคือทำไมเขาจึงมั่นใจมากขนาดนั้น เพราะการที่ “น้องปู” จะได้กลับหรือไม่คนที่จะมีส่วนสนับสนุนส่งเสริมและจัดการ
ก็คือตัวเขานี่แหละไม่ใช่ใครอื่น...
หากเขามีอันต้องเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะหมดอำนาจบารมีหรือไม่มีแรงส่งจากผู้มีอำนาจที่แท้จริง
เป็นเรื่องยากที่จะได้กลับหรือถ้าจะกลับมาได้ก็ต้องเปิด “คุก” รอนั่นแหละ...
ล่าสุดที่ชัดเจนแล้วอย่างหนึ่งคืออัยการสูงสุดได้แจ้งให้ศาลรัฐธรรมนูญรับทราบว่าปมคำร้องให้สอบเอาผิด “ทักษิณ-เพื่อไทย” นั้น
อัยการยืนยันว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ล้มล้างการปกครองตาม ม.49
พูดง่ายๆว่าไม่มีความผิดในเรื่องนี้แต่อย่างใด
จากนี้ไปจึงเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตัดสินเองว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าว อยู่ที่จะวินิจฉัยออกมาในรูปใด
รับหรือไม่รับ!
หากรับก็ต้องตอบคำถามให้สังคมได้รับรู้ถึงเหตุผลว่าเพราะอะไรเนื่องจากมีความเห็นที่ตรงกันข้ามกับอัยการที่สอบสวนเบื้องต้นแล้ว
...
หากไม่รับก็ใช้คำตอบที่อัยการสูงสุดคือไม่เข้าหลักเกณฑ์
จากการนี้ทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ได้ผลในแง่บวก โอกาสที่จะหลุดรอดไปได้มีเพิ่มมากขึ้น
หากนำไปประมวลกับความเคลื่อนไหวในมุมอื่นๆ โดยเฉพาะหากไปหาเสียงช่วยผู้สมัครที่อุดรฯก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น
“ทักษิณ” ได้แสดงความเห็นอย่างเต็มรูปแบบไม่เกรงกลัวหรือหวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น ถล่มพรรคคู่แข่งโยนประเด็น ม.112 มาเกี่ยวกับสถาบัน
ว่าเขาจงรักภักดีมากกว่า...
เรียกความมั่นใจและความน่าเชื่อว่าจุดยืนเขาชัดเจนและยังมีบารมีทางการเมืองที่เหนือกว่า พร้อมที่จะนำทัพฝ่ายอนุรักษ์นิยมมากกว่าคนอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น
ที่จะเอาชนะพรรคของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน
ลีลาและบทบาทที่แสดงออกนี้แสดงว่าเขาได้สัญญาณบวกว่า “บิ๊กดีล” ที่ทำให้เขากลับมาได้นั้นยังคงเหมือนเดิมคือยังไว้วางใจตัวเขาอยู่
พร้อมที่จะดูแลเขาให้ปลอดภัยจาก “ขาประจำ” ที่คอยจ้องเล่นงานเขา
เหล่านี้จึงทำให้เขาไม่สะทกสะท้านว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับวินิจฉัยคำร้องที่กล่าวโทษเขา
ทำให้เขามีความมั่นใจสูงลิบจนสามารถที่จะคิดและวางแผนงานต่างๆ โดยเฉพาะการปกป้องรัฐบาลของลูกสาวและน้องสาวที่จะกลับเมืองไทย
อีกจุดที่มองข้ามไม่ได้หลังจากที่ “แพทองธาร ชินวัตร” เดินทาง กลับจากต่างประเทศดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น พูดจาฉะฉานตอบคำถามนักข่าวได้ค่อนข้างดีกว่าระยะแรก
เนื่องจากมีความมั่นใจมากขึ้น
เพราะคงได้รับข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม