นายกฯกลับมานั่งหัวโต๊ะ ครม. ต่อสายแสดงความยินดี “ทรัมป์” เชิญเยือนไทยพร้อมผสานความร่วมมือ 2 ประเทศ ยกลีลา “คุณพ่อ” เป็นสีสันการเมือง จ่อแถลงผลงาน 100 วัน เดือน ธ.ค. “ทักษิณ” ลั่น “ยิ่งลักษณ์” กลับมาฉลองสงกรานต์ที่ไทยแน่ แนะรัฐบาลออกมาตรการช่วยนักลงทุน “ทวี” อ้อมแอ้มจะกลับไทยต้องทำตามกฎหมาย อสส.ไม่รับคดีร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง “สุริยะ” ย้ำที่เขากระโดงของ รฟท. “เสี่ยหนู” ออกตัวให้ 2 หน่วยงานสู้กันไปตามสิทธิ “ปิยบุตร” เย้ย พท. อาศัยใบบุญ ก.ก. ทอ.มาเก๋แก้ ก.ม. เปลี่ยนชื่อเป็น “กองทัพอากาศและอวกาศ”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับมา นั่งเป็นประธานการประชุม ครม. หลังเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมเอเปก ที่ประเทศเปรู พร้อมกับยกหูต่อสายแสดงความยินดีกับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ยืนยันพร้อมผสานความร่วมมือของ 2 ประเทศ
นายกฯกลับมานั่งหัวโต๊ะถก ครม.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนประชุมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นำผลิตภัณฑ์จากกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มาจัดแสดงเพื่อขับเคลื่อนตามแนวพระราชดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” นายกฯได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์จำนวนมาก อาทิ ผ้าไทย เพื่อนำไปตัดชุด และเสื้อแจ็กเกตที่นำเศษผ้าแปรรูปมาทอใหม่และย้อมคราม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ตัว ให้ตัวเองกับสามี และรับมอบ “คุณทองโบราณ” ตุ๊กตาสุนัขมาสคอตสุนัขการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2569 ที่ จ.อุดรธานี จากนั้นลองสวมเสื้อสูทผ้าบาติก ลายร่วมสมัย ซึ่งนายอนุทินที่ยืนอยู่ด้วยจึงได้ซื้อให้
...
ชม “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ยิ่งใส่ยิ่งอิน
น.ส.แพทองธารกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ยิ่งใส่ผ้าไทย ยิ่งอิน ที่อุดหนุนวันนี้จะนำไปแบ่งกันไม่ใช่ของตนคนเดียว ผ้าไทยสวยมากเราเลือกสีและลายที่ชอบ ผ้าไทยทันสมัยไปทำแบบวัยรุ่นหรือทำเป็นเสื้อสูทก็ได้ ใส่ทำงานเรียบร้อย ถ้าทุกองค์กรช่วยกันใส่ต่างประเทศจะเห็นเยอะ เพราะผ้าไทยสวยเป็นแฟชั่นที่อยู่ได้นาน ใครสนใจไปเลือกซื้อได้ที่งาน Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พ.ย-2 ธ.ค.นี้
ต่อสายแสดงความยินดี “ทรัมป์”
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 09.50 น. วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา แสดงความยินดีที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในเร็ววันนี้ และย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด หวังว่าจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนในการเยือนระดับสูงระหว่างกัน ทั้งนี้ประเทศไทยพร้อมให้การต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประเทศไทย ขณะที่นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ กล่าวขอบคุณ พร้อมชื่นชมประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่สวยงาม รวมทั้งสนใจสอบถามสถานการณ์ประเทศ ไทย กล่าวชื่นชมการทำงานของนายกรัฐมนตรี และพร้อมให้การสนับสนุน
เชิญเยือนไทยสานความร่วมมือ
ต่อมาเวลา 12.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า ก่อนการประชุม ครม.ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยการประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความยินดีกับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ และพูดคุยกันว่าถ้ามีความร่วมมือใดๆพร้อมจะช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ น่ารักมากๆ พูดคุยอย่างเป็นกันเอง สอบถามว่าประเทศไทยกำลังเป็นไปได้ดีใช่หรือไม่ และเศรษฐกิจของเรากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ให้กำลังใจมา จึงกล่าวเชิญนายโดนัลด์ ทรัมป์ มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการถ้ามีโอกาส
ยกลีลา “พ่อ” เป็นสีสันทางการเมือง
น.ส.แพทองธารกล่าวถึงการขึ้นปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาจกระทบกับการเดินหน้าเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เวลาไปเวทีหาเสียง หลักๆต้องเอานโยบายไปเล่าในภาษาที่เข้าใจง่าย ให้ประชาชนเข้าใจว่าแต่ละพรรคต้องการทำอะไรเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรือระดับประเทศ คำพูดต่างๆเป็นสีสันที่ทำให้การพูดคุยสนุกสนานมากขึ้น และคิดว่าเรื่องของนายทักษิณไม่กระทบกับเศรษฐกิจ การไปร่วมประชุมเอเปกได้คุยกับผู้นำหลายประเทศ มีสัญญาณดีมากๆ เพราะทุกคนอยากลงทุนกับประเทศไทย ได้พูดคุยกับซีอีโอด้านธุรกิจจากหลายประเทศ เขาก็คิดว่าประเทศไทยมีโอกาสมาก
จ่อแถลงผลงานครบ 100 วัน ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายทักษิณประกาศบนเวทีว่าคนอายุ 60 ปีจะได้เงินหมื่นเฟส 2 ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 ขอให้รอหลังจากการประชุมว่าจะเคาะออกมาอย่างเป็นทางการ เมื่อถามว่าการแจกรอบนี้จะเป็นเงินสดหรือเงินดิจิทัล น.ส.แพทองธารตอบว่า ต้องผ่านที่ประชุมก่อน ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้สอบถามเรื่องการแถลงผลงานรัฐบาล หลังทำงานครบ 100 วัน น.ส.แพทองธารตอบว่า ตั้งใจไว้ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.นี้
งดพูด อสส.ชี้คดี “ทักษิณ” ไม่ล้มล้าง
เมื่อถามถึงกรณีอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าการกระทำของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย ไม่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง ตามคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นักกฎหมายอิสระ จะนำเรื่องนี้ไปเป็นข้อโต้แย้งทางคดีหากเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เราไม่ได้เข้าไปตรงนี้อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าเป็นสัญญาณสร้างความมั่นใจแก่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่มีอะไรก็ให้ผ่านไปทีละเรื่อง เราไม่อยากตีเรื่องนี้ไปกระทบเรื่องนั้น เมื่อถามว่านายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นเรื่องให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการถือ 2 สัญชาติ คือ สัญชาติไทยและสัญญชาติมอนเตเนโกรของนายทักษิณ น.ส.แพทองธารนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนตอบว่า “ท่านทักษิณกลับมาแล้ว เชิญ สื่อมวลชนถามท่านทักษิณได้เลยนะคะ”
เลี่ยงให้ไปถาม “ท่านทักษิณ” เอาเอง
เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจะกลับมาเล่นสงกรานต์ปีหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการประสานมายังรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แพทองธารหัวเราะก่อนตอบว่า “นายทักษิณกลับมาแล้วเชิญสัมภาษณ์นายทักษิณได้เลยค่ะ” ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าที่ถามหมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่นายทักษิณ น.ส.แพทองธารตอบว่า “ก็เห็นบอกว่านายทักษิณเป็นคนให้สัมภาษณ์” เมื่อถามอีกว่าในฐานะรัฐบาลต้องได้รับการประสาน น.ส.แพทองธารตอบว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ประสานมายังรัฐบาล ถ้ามีคือโทร.หาหลาน” ก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง
ลั่น “ปู” กลับมาฉลองสงกรานต์ที่ไทย
วันเดียวกันเว็บไซต์สำนักข่าว Nikkei Asia เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. มีการแสดงความเห็นในหลายประเด็น อาทิ ความเป็นผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 31 ของไทย นายทักษิณระบุว่า น.ส.แพทองธารประสบความสำเร็จในการผสมผสานประสบการณ์ในฐานะนักการเมือง กับความคิดของคนรุ่นใหม่ ให้ความเคารพบุตรสาวและปฏิเสธที่จะให้คำแนะนำด้านนโยบายที่เฉพาะเจาะจง พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงการกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า “จะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรที่ขัดขวางไม่ให้กลับบ้าน คิดว่าอาจกลับมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม ส่วนกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือน ส.ค. มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่ง น.ส.แพทองธารใส่ใจและระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ทั้งนี้ ยังแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทย ที่มีการใช้อำนาจทางกฎหมายบ่อยครั้งเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมือง
แนะออกมาตรการช่วยนักลงทุน
นายทักษิณยังให้สัมภาษณถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจาก “รัฐบาลทรัมป์ 2.0” โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาตรการสร้างแรงจูงใจผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุนในสหรัฐฯ การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้ความสำคัญต่อการค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การค้าไทยที่เกินดุลมากเกินไปอาจกลายเป็นเป้าหมายการตอบโต้ของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากที่ผ่านมาทรัมป์ประกาศคำมั่นว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อปรับปรุงดุลการค้าของประเทศ ผลกระทบจากการกลับมามีอำนาจของทรัมป์จะขยายมาถึงไทยด้วยเช่นกัน จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อกระตุ้นให้บริษัทไทยลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาแรงกดดันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และยังกล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯเชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยที่มีนโยบายรักษาความเป็นกลาง
“ทวี” อ้อมแอ้มกลับไทยต้องตาม ก.ม.
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง เรื่องการเดินทางกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ยังไม่ได้รับการประสานมา ผู้ที่จะเข้าสู่ กระบวนการกรมราชทัณฑ์ต้องเริ่มต้นที่กระบวนการศาลก่อน คือมีหมายขังที่ออกโดยศาล เมื่อรับหมายแล้วกรมราชทัณฑ์จึงปฏิบัติตามกฎหมาย หากเป็นผู้หญิงต้องอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาจะเข้าสู่กระบวนการแบบเดียวกับนายทักษิณ จนไปถึงขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า สมัยที่นายทักษิณกลับมายังไม่ได้เป็น รมว.ยุติธรรม ดังนั้น การกลับมาของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ ไม่ได้เป็นโมเดลแบบนายทักษิณอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างปฏิบัติตามกฎหมาย
อสส.ไม่รับคดี “ทักษิณ-พท.” ล้มล้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญประเด็นที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข โดยศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าในวันเดียวกัน (8 พ.ย.) อัยการสูงสุดยังมีความเห็นเเจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะทำงานที่เสนอมายังอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้ เเต่ศาลรัฐธรรมนูญยังมีอำนาจพิจารณาคดีต่อไปได้
“สุริยะ” ย้ำที่เขากระโดงของ รฟท.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดินอุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิที่ดินเขากระโดงว่า ขอย้ำอีกครั้ง รฟท.ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของ รฟท. เมื่ออธิบดีกรม ที่ดินวินิจฉัยต่างออกมา รฟท.ก็ทำหนังสือโต้แย้งไป แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเป็นอย่างไร รฟท.ได้ประชุมบอร์ดเพื่อให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน น่าจะฟ้องร้องทางแพ่งได้ เมื่อถามว่า สนาม แข่งรถ และสนามฟุตบอล อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ ใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ไม่ทราบว่าตรงนั้นครอบคลุม ไปอย่างไร ไม่ได้ดูในรายละเอียด เมื่อถามว่า หาก อธิบดีกรมที่ดินไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดงจะดำเนิน คดี ป.อาญามาตรา 157 หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ขอรอดูคำตอบก่อน ไม่อยากขยายความ
“หนู” ออกตัวให้สู้กันไปตามสิทธิ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า เรื่องที่ดินเขากระโดงทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือใคร ยืนยันไม่ช่วยเหลือใคร ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย เชื่อว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ ปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อถามว่า ถ้ากระทรวงคมนาคมฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติ หน้าที่ หากอธิบดีกรมที่ดินไม่เพิกถอนที่ รฟท. นายอนุทิน ตอบว่า ทุกคนใช้สิทธิตามกฎหมายได้ และ รฟท.ยังพิสูจน์สิทธิไม่ได้ เป็นสิทธิของ รฟท.ที่อุทธรณ์ หากไม่สำเร็จก็มีสิทธิอุทธรณ์ไปยังหน่วยงานที่สูงกว่า รวมถึงมีช่องทางศาลยุติธรรม กรมที่ดินเป็นกรรมการไม่ใช่คู่ชก เป็นเรื่องของ รฟท.กับชาวบ้าน อย่าไป โยงเรื่องการเมือง เมื่อถามว่ากระทบความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องที่ใครทำแบบนี้ ต้องโดนทำแบบนั้นกลับคืน ยืนยันไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในสมอง ไม่อย่างนั้นก็หมดสภาแล้ว
“อิ๊งค์” กำชับ สส.เร่งตีปี๊บผลงาน
ช่วงบ่ายที่อาคารว๊อยซ์ ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคเพื่อไทยจัดประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2567 มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีแกนนำพรรคเข้าประชุมพร้อมหน้า อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รอง นายกฯ และ รมว.คมนาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เพิ่งกลับมาจากร่วมประชุมเอเปกที่ประเทศเปรู มีโอกาสเจอทูตไทยที่ประจำประเทศต่างๆ ข้อความ ที่สื่อสารไปต้องการเพิ่มการลงทุนขยายโอกาสให้กับ ประเทศไทย ทุกประเทศต่างสนใจเพราะไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส ขอบคุณที่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก ไปไหนก็ขอให้บอกว่ารัฐบาลทำเต็มที่โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของประชาชน เราจะเดินหน้าลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสในทุกพื้นที่
นำทัพเป็น กก.สรรหาผู้สมัคร สส.
จากนั้นเวลา 15.00 น. เข้าสู่วาระการประชุมเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.ของพรรคเพื่อไทย กรณีมี สส.ระบบเขตลาออก แล้วต้องมีการเลือกตั้งซ่อม จำนวน 20 คน ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค 9 คน ได้แก่ น.ส.แพทองธาร นายชูศักดิ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย น.ส.จิราพร สินธุไพร นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค ตำแหน่ง หัวหน้าสาขาพรรค จำนวน 7 คน และตำแหน่งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด จำนวน 4 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธารได้อุ้ม ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ หรือน้องธาษิณ บุตรชาย และจูงมือ ด.ญ.ธิธาร สุขสวัสดิ์ บุตรสาว มาที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่นี้ด้วย
“ปิยบุตร” เย้ย พท.อาศัยใบบุญ ก.ก.
วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “การที่รัฐบาลชุดนี้ห้ามมีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โดยเด็ดขาด และต้องมีพรรคสืบทอดอำนาจจากทหาร สัมพันธ์โดยตรงกับการได้กลับบ้านของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นี่คือเหตุผลความจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยเลือกทางเดินนี้ และจำเป็นต้องอยู่ในสภาพที่พรรคร่วมรัฐบาลขี่คอได้ ไม่เหมือนช่วงพรรคไทยรักไทย 44/48 และพรรคเพื่อไทย 54 จึงกลายเป็นเรื่องยอกย้อนว่า หากพรรค พท.ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ย่อมได้เป็นรัฐบาลอย่างสง่างาม ไม่โดนพรรคร่วมขี่คอ แต่คุณทักษิณอาจยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะหากพรรค พท.ยังน่าเกรงขาม การเจรจาให้เหล่าชนชั้นนำเห็นพ้องกันหมด ยอมให้คุณทักษิณกลับบ้าน คงเป็น ไปได้ยาก แต่พรรค ก.ก.ชนะการเลือกตั้งลำดับที่หนึ่ง กลับเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้คุณทักษิณได้กลับบ้าน เพราะชนชั้นนำทุกฝ่ายต้องสนธิกำลังสกัดพรรค ก.ก.ไม่ให้เป็นรัฐบาล”
สว.ไม่สนยึดจุดยืนประชามติ 2 ชั้น
ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวว่า จุดยืน สว.ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือสนับสนุนเกณฑ์ผ่านประชามติด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น คือ มีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ ขณะที่จุดยืน กมธ.ฝั่ง สส. ยังต้องการใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว คือเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ หากนัดโหวตเชื่อว่า ฝั่ง สส.และ สว.จะยืนยันจุดยืนตัวเอง หาก 2 สภาเห็นไม่ตรงกันก็ต้องพักร่างกฎหมายไว้ 180 วัน ระหว่างพักร่างกฎหมายไม่จำเป็นต้องพักการออกเสียงประชามติ หากรัฐบาลจะเดินหน้าออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญช่วงเดียวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือน ก.พ.2568 สามารถทำได้ โดยใช้กฎหมายประชามติฉบับเดิม
ตำหนิหน่วยราชการชงกฎหมายช้า
อีกเรื่อง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีข้อสั่งการและข้อตำหนิในที่ประชุม ที่หน่วยราชการเสนอกฎหมายเข้ามากระชั้นชิด ทำให้ ครม.ไม่สามารถพิจารณาได้อย่างรอบคอบ หลายเรื่องที่ต้องใช้มติ ครม.ไม่สามารถดำเนินการได้ นายกฯจึงตำหนิหน่วยงานที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดปัญหา บางเรื่องมีเวลาเตรียมการมาแล้วหลายปี ขอให้หน่วยงานให้ความสนใจในการวางแผนเรื่องกฎหมาย ให้ ครม.มีเวลาพิจารณาอย่างเหมาะสม และไม่ให้ประชาชนเสียประโยชน์ อีกทั้งยังสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยที่จัดงานผ้าและหัตถกรรมตามแนวพระราชดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยให้หน่วยราชการส่งเสริมการใส่ผ้าไทยในการทำงาน
แก้ ก.ม.เปลี่ยนชื่อกองทัพอากาศ
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ แถลงภายหลังประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงการปรับโครงสร้างกองทัพอากาศ ตามที่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด สั่งการ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ถึงแนวนโยบายปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางอวกาศกว่า 29,000 ล้านบาทต่อปี ที่มีการสื่อสารและถ่ายทอดสัญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 35,600 กิจการ มีการจ้างงาน 1.6 ล้านคน โดยกองทัพอากาศเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ ให้เป็นหน่วยขึ้นตรงของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ (ศปก.ทอ.) อยู่ในอำนาจของ ผบ.ทอ. ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2568 สำหรับการปรับโครงสร้างที่ต้องทำควบคู่ในปี 2568 ได้แก่ 1.จัดทำร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อเปลี่ยนชื่อ “กองทัพอากาศ” เป็น “กองทัพอากาศและอวกาศ” 2.จัดทำร่าง พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ” แบบ ศร.ชล. ของกองทัพเรือ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่