เลือกตั้งนายก อบจ.ที่อุดรธานี คงเป็นสนามการเมืองที่ 2 พรรคหวังเพื่อก้าวไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 ต่างฝ่ายต่างโชว์ลีลาและตอบโต้กันเพื่อแสดงให้เห็นความเหนือกว่ากันทำนองนั้น พรรคไหนชนะก็เพิ่มพลังบวกในทางที่ดี

“ทักษิณ ชินวัตร” ใช้สนามเมืองหลวงของคนเสื้อแดงแสดงศักยภาพ หลังจากหลบซ่อนตัวมาระยะหนึ่งก็คงหวังผลหลายอย่าง

1.เพื่อฟื้นความหลังเรียกคืนคะแนนนิยม

2.ทำให้ผู้มีอำนาจเก่ามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเขายังมีพลังสู้คดีความต่างๆ เช่น ม.112 รวมถึงการถูกร้องว่าล้มล้างการปกครองที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้นั้นจะไปทิศทางไหน

3.ถือโอกาสถล่มพรรคคู่แข่งด้วยลีลาและประสบการณ์ที่เหนือกว่า

ก็ไม่มีอะไรมาก...

ประเด็นสำคัญคือการเลือกตั้งปี 2570 ที่จะต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านพูดง่ายๆ แพ้ไม่ได้ นอกจากขายผลงานเก่าและเตรียมนโยบายใหม่เพื่อเรียกคะแนนสนับสนุน

การเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา “เพื่อไทย” แพ้ “ก้าวไกล” ด้วยคะแนนฉิวเฉียดนั้นคงเป็นเพราะ “ทักษิณ” ยังอยู่ต่างประเทศ

แต่คราวนี้เขากลับมา

ย่อมส่งผลดีต่อ “เพื่อไทย” แน่เพราะตัวเขายังขายได้ในตลาดการเมือง เพราะนอกจากเสื้อแดงแล้วยังมีประชาชนให้ความพึงพอใจอยู่

ทำให้มีความได้เปรียบพรรค “ประชาชน” พอสมควร

หากไม่ถูก “นิติสงคราม” เล่นงานเสียก่อน!

พรรค “ประชาชน” ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ที่ชมชอบเรื่อง “อุดมการณ์” กล้าทำกล้าแสดงออก แต่ติดตรงที่แนวคิดสุดโต่งในบางเรื่อง

อีกทั้งการถูก “ยุบพรรค” ได้ผู้นำพรรคใหม่ซึ่งไม่ค่อยจะเรียกเสียงสนับสนุนได้มากนักเนื่องจากคนเก่าทำคะแนนไว้ได้ดี

...

การจะเอาชนะ “เพื่อไทย” ได้นั้นต้องมีอะไรที่มากกว่านี้

ยิ่งต่างฝ่ายต่างตั้งเป้าด้วยตัวเลข 200 เสียงขึ้นไป จึงต้องสร้างฐานเสียงเพิ่มมากขึ้นมิใช่ฐานเสียงเดิมเท่านั้น

“ประชาชน” ที่คิดว่าได้คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่แบบที่เคยได้มาแล้วนั้นคงไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือจะขยายฐานเสียงให้เพิ่มมากขึ้นจะต้องทำอย่างไร

ในความเหนือของ “ทักษิณ” ที่ทำให้ “ไทยรักไทย” ชนะการเลือกตั้งมาตลอดก็คือการสร้างนโยบายที่มุ่งไปสู่ปัญหาปากท้องของชาวบ้านรวมถึงความต้องการพื้นฐาน

ไม่ว่าเป็นกองทุนหมู่บ้าน โอทอป 30 บาทรักษาทุกโรคที่ได้ใจไปเต็มๆ

คือเข้าใจความต้องการของชาวบ้านและสนองได้ตรงจุด

นี่เป็นความแตกต่างที่ “ประชาชน” ยังไม่มี...

เพราะนโยบายส่วนใหญ่มุ่งไปสู่ประเด็นการเมืองมากกว่าปัญหาปากท้องและทุกข์สุขของชาวบ้าน จึงเข้าถึงคนส่วนหนึ่งเท่านั้น

“ประชาชน” จึงต้องตั้งทีมงานเพื่อศึกษาและสร้างนโยบายลักษณะนี้เพื่อให้คนส่วนใหญ่พอใจ หมายถึงนโยบายที่คนส่วนใหญ่ต้องการจริงๆ

แม้แต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ชนะขาดลอยจนได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ก็มีนโยบายที่สนองความต้องการของอเมริกันชน คือเรื่องปากท้องเป็นหลัก

แม้แต่ปัญหาระบบราชการที่ล่าช้า ซ้ำซ้อน ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องให้แก้ไขเขาก็ทำทันที

เพราะนี่คือพื้นฐานความต้องการของประชาชนที่แท้จริง

ไม่ใช่การยกเลิกทหารเกณฑ์ ลดกำลังพล หรือนโยบายในลักษณะที่พรรค “ประชาชน” ดำเนินการอยู่

เพราะมันไม่ได้สนองความต้องการที่แท้จริง!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม