“อิ๊งค์” กระทบไหล่ผู้นำโลก หารือทวิภาคี “สี จิ้นผิง” กระชับสัมพันธ์-เน้นย้ำความร่วมมือ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม การศึกษา และวิทยาการใหม่ๆ ขอบคุณจีนหนุนเข้า BRICS เผยในหลวง-ราชินีตอบรับเสด็จเยือนจีน “ผู้นำสี” หยอดจับมือกันไปนานๆ โชว์วิชันบนเวทีผู้นำเอเปก ต่อยอดผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ประกาศชูไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก เด็กไทยให้กำลังใจยกต่างชาติชื่นชมซอฟต์พาวเวอร์ไทย “พิธา” นำทีมลุยศึกนายก อบจ.อุดรฯ ฉะรัฐบาล พท.อยู่มา 14 เดือนค่าแรงไม่ขึ้นสักบาท “นพดล” โอ่ตาม “นายใหญ่” กวาด สส.ทะลุ 200 “อดิศร” ฟุ้งของจริงไม่เพ้อฝัน “เสี่ยหนู” โต้ขู่ถอนสมอไม่เคยคิดโค่นนายกฯ ปัดเป็นร่างทรงขั้วอนุรักษนิยม คดีอัลไพน์-เขากระโดงว่าไปตามกฎหมาย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือระดับทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ตอกย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ที่ยังคงยืนยาวต่อไป พร้อมกระชับความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม การศึกษา รวมทั้งวิทยาการใหม่ๆ

“อิ๊งค์” หารือทวิภาคีกับ “สี จิ้นผิง”

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ประเทศเปรู ช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง) ที่โรงแรมเดลฟิเนส โฮเทล แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สถานการณ์ความผันผวนในภูมิภาคจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสันติสุขและความก้าวหน้า หลักการตามข้อริเริ่มปรับโลกของจีนเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลตรงกับหลักการของไทย ยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับจีนทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อความรุ่งเรืองและสงบสุขของภูมิภาคและโลก ไทยยินดีสนับสนุนจีนเป็นเจ้าภาพเอเปกในปี พ.ศ.2569

...

ในหลวง–ราชินีตอบรับเยือนจีน

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตในปีหน้าถือเป็นปีทองของไทย-จีน ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ และวางแผนอนาคตไทย-จีน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงตอบรับการเสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2568 ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน และหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และภริยา ในการเดินทางเยือนประเทศไทยปีหน้า ในโอกาสเฉลิมฉลองความสัมพันธ์จีน-ไทย ครบรอบ 50 ปี

ขอบคุณพี่ใหญ่ที่หนุนเข้า BRICS

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ขอชื่นชมการพัฒนา เช่น นโยบายกำลังผลิตคุณภาพใหม่ที่ทำให้จีนรุดหน้ามาก สอดคล้องกับหลักการพัฒนาด้านต่างๆ ของไทย ที่มุ่งส่งเสริมโลกาภิวัตน์ด้วยการค้าเสรีที่เปิดกว้างขึ้น ยึดมั่นในกฎกติกาของโลก ประเทศไทยพร้อมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์การแก้ปัญหาความยากจนที่จีนเคยประสบในอดีต รวมถึงการต่อสู้กับภัยธรรมชาติ เทคโนโลยีการผลิตคุณภาพใหม่ เทคโนโลยีอวกาศ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต รถยนต์ EV รวมถึงพลังงานสะอาด ไทยยังพร้อมร่วมมือภายใต้แนวคิด Global Civilization Initiative (GCI) ส่งเสริม softpower แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างกัน ขอบคุณที่จีนให้การสนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่หรือ “BRICS” และขอบคุณนายสี จิ้นผิง ที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้วจากกรุงปักกิ่ง มาประดิษฐานในไทย ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 4 ธ.ค.เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ถือเป็นสิริมงคลยิ่งของคนไทยที่มีโอกาสได้สักการะ และวันนี้คนไทยยังตื่นเต้นที่จีนจะมอบแพนด้ายักษ์ให้กับไทยอีกครั้ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีนในปีหน้า

“สี จิ้นผิง” หยอดจับมือกันไปนานๆ

ขณะที่นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ขอถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จีนและไทยมีมิตรภาพที่มีความพิเศษยิ่ง มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในทุกระดับ เชื่อว่าความสัมพันธ์ จีน-ไทย ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่ลึกซึ้ง และจะยิ่งมากขึ้นไปอีก 50 ปี โดยจีนและไทยจะขยายความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และการศึกษา รวมทั้งวิทยาการใหม่ๆ เชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองให้กับทั้งสองประเทศและภูมิภาคได้ ยืนยันสนับสนุนไทยให้ไทยเป็นสมาชิก BRICS รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในทุกระดับ ทั้งการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) การประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) และพร้อมร่วมมือสาขาใหม่ๆระหว่างกัน เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้จีนยังยินดีนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศไทย และพร้อมขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือด้านการศึกษา เยาวชน และการเชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามแดน และภัยออนไลน์ต่างๆ

ดันเอเปกหนุนระบบเงินดิจิทัล

ต่อเวลา 13.00 น. ที่ห้อง San Borja ชั้น 1 Lima Convention Center กรุงลิมา น.ส.แพทองธารเข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก กับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ในช่วงอาหารกลางวัน น.ส.แพทองธารกล่าวในหัวข้อ “ประชาชน ภาคธุรกิจ และความรุ่งเรือง” ว่า หัวข้อการประชุมของสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (ABAC) สอดคล้องกับหัวข้อการประชุม APEC ของเปรูที่ว่า “เสริมสร้างพลังการมีส่วนร่วม และการเติบโตอย่างยั่งยืน” สนับสนุนความคิดริเริ่มของเปรูในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลก เพราะแรงงานมากกว่าครึ่งของเอเปกมาจากเศรษฐกิจนอกระบบ เป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญ นอกจากการค้าการลงทุนและการบูรณาการทางเศรษฐกิจ อีกอย่างที่มีความสำคัญคือการเติบโตทางนวัตกรรมทางการเงิน และระบบการชำระเงินดิจิทัล ประเทศไทยดำเนินการมาต่อเนื่อง และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางระบบให้ประชาชนในกลุ่มอาเซียนสามารถชำระเงินผ่านรหัส QR code ระหว่างกันได้แล้ว จะช่วยให้การทำธุรกรรมการเงิน ข้ามพรมแดนได้สะดวก ยืนยันสนับสนุนให้เอเปกพิจารณาโครงการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนต่อไป เพื่อส่งเสริมระบบการเงินที่เสรี มีความปลอดภัยและแข่งขันได้

ชื่นชมเปรูผลักดันพลังงานสะอาด

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ปีนี้โลกเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง อาทิ ภาคเหนือ ของไทยได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม ขณะที่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน จึงเป็นช่วงเวลาที่แต่ละประเทศต้องร่วมมือกันในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ยินดีที่เปรูผลักดันประเด็นสำคัญ เช่น พลังงานสะอาด สอดคล้องกับเป้าหมายปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ของไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการหารือของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก น.ส.แพทองธารพบกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

ต่อยอดผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่

กระทั่งเวลา 16.00 น. ที่เดอะแกรนด์ เนชั่นนอล เทียร์เตอร์ ออฟ เปรู กรุงลิมา น.ส.แพทองธารขึ้นกล่าว ถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (the APEC CEO Summit) ว่า รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ขึ้นกล่าวในที่ประชุมนี้ สุขภาพและความเป็นอยู่ ที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญเกี่ยวพันโดยตรงกับความท้าทายและโอกาสทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยเชื่อว่าระบบสาธารณสุขถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นรากฐานสำคัญ ความมั่นคงของมนุษย์ และเป็นความมั่งคั่งที่แท้จริงทางเศรษฐกิจของไทย ด้วยเหตุนี้จึงภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่บรรลุเป้าหมายระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” (Universal Health Coverage) หรือ UHC ตั้งแต่ปี 2545 ทำให้ คนไทยเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่ราคาไม่แพงแต่มาก ด้วยคุณภาพ มีความเท่าเทียมยาวนานกว่า 22 ปี พูดได้ว่าคนไทยมากกว่า 99% มีประกันสุขภาพแล้ว และรัฐบาลชุดนี้ประกาศนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการอย่างรวดเร็วทั้งระบบ ด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหมือนเดิม ให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ดี มีศักดิ์ศรีที่เป็นผู้จ่ายค่าบริการ ไม่ใช่มาขอรับการรักษาฟรีจากรัฐ

ชูไทยศูนย์กลางการแพทย์โลก

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า อยากให้เอเปกสนับสนุนคนในทุกช่วงวัยใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุมีเพิ่มขึ้น เอเปกจึงควร มีบทบาทสร้างการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในการพัฒนา เศรษฐกิจสุขภาพ และสนับสนุนให้สภาที่ปรึกษาธุรกิจ เอเปกหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งเสริมการจ้างงาน สำหรับแรงงานสูงอายุ และจากแนวคิด the Care and Wellness Economy ที่ผสมผสานสุขภาพ การท่องเที่ยว และนวัตกรรม โดยเพิ่มการให้บริการดูแลอย่างจริงใจ เชื่อว่าจะมอบโอกาสมากมายส่งเสริม การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้ ประเทศไทยจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างแข็งขัน และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่ง สิ่งอำนวยความสะดวก ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง มีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ และมีต้นทุนที่เอื้อมถึง ไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ เดินหน้าทำงานเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ระหว่างประเทศ และมีส่วนร่วมกับเขตเศรษฐกิจเอเปก สร้างระบบนิเวศทางการแพทย์ที่สมบูรณ์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาค

ต่างชาติชมซอฟต์พาวเวอร์ไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเข้าร่วมประชุม ผู้นำภาคธุรกิจเอเปก น.ส.แพทองธารได้พูดคุยและร่วมถ่ายภาพกับผู้แทนเยาวชนไทยในโครงการ APEC Voices of the Future (VoF) โอกาสนี้ผู้แทนเยาวชนไทยได้ให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารว่า “อยากจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯจริงๆ เพราะเราทราบว่างานทุกอย่างหนักมาก และพวกเราก็เหมือน เป็นตัวแทนของเยาวชนไทยที่ได้เห็นกระบวนการหลายๆอย่าง ตอนที่มาเพื่อนหลายคนก็พูดถึงเรื่อง ซอฟต์พาวเวอร์ไทยเยอะมาก อาทิ อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น และเฟสติวัลต่างๆ บอกว่ารักประเทศไทย จึงรู้สึก ภูมิใจแทนคนไทยทุกคนที่มีต่างประเทศที่รักประเทศไทย ได้มากขนาดนี้” จากนั้นช่วงค่ำ น.ส.แพทองธารเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (Gala Dinner) มีประธานาธิบดีแห่งเปรูเป็นเจ้าภาพ ณ ทำเนียบประธานาธิบดีเปรู โดย น.ส.แพทองธารนั่งข้างนายโจ ไบเดน ประธานา ธิบดีสหรัฐอเมริกา

“พิธา” นำทีมลุยนายก อบจ.อุดรฯ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 พ.ย.ที่ร้านมาดามพาเท่ห์ อ.เมืองอุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า นำคณะทีมผู้ช่วยหาเสียงให้นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี (อบจ.) พรรคประชาชน (ปชน.) มารับประทานอาหารเช้าที่ร้านมาดามพาเท่ห์ ร้านมิชลินไกด์ ทันทีที่นายพิธามาถึงหน้าร้าน “เจ๊หมุย” เจ้าของร้าน เดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง นายพิธากล่าวว่า เคยพาน้องพิพิมบุตรสาวไปทานอาหารร้านมาดามพาเท่ห์ ที่สาขากรุงเทพฯมาแล้ว วันนี้เลยมาทานร้านต้นฉบับที่อุดรธานี สั่งเป็นสตูว์เนื้อและขนมปังที่หากินที่อื่นไม่ได้ เราย้ำทุกพื้นที่มีความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ใช่แค่เลือกตั้งแล้วจบ มีประชาชนหลายคนบอกว่าอยากฟังวิธีการแก้ปัญหาของ จ.อุดรธานีบ้าง ไม่ได้อยากฟังนักการเมืองโต้กันไปมา แน่นอนต้องมีการโต้กันบ้าง แต่ต้องหาจุดที่เหมาะสมหากมีการพาดพิงหรือแซวมาอย่างมีสาระ ก็จะโต้กลับ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ตอบโต้ การหาเสียงจะเน้นนโยบายที่ตรงกับคุณสมบัติของผู้สมัคร อบจ. เช่น สาธารณสุขของอุดรธานีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทย หากคำนวณแล้วงบสาธารณสุขของอุดรฯต้องเพิ่มกว่าหลักร้อยล้าน และคนที่จะเข้าใจเรื่องสาธารณสุขดีที่สุดคือหมอ และบุตรสาวของนายคณิศร ขุริรัง คือแพทย์จบใหม่

ฉะ 14 เดือนค่าแรงไม่ขึ้นซักบาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ที่รัฐบาลเตรียมนำเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 19 พ.ย.นี้ นายพิธาตอบว่า คิดว่าค่าแรงต้องขึ้นให้เหมาะสมกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และคิดควบคู่กับธุรกิจรายย่อย ต้องมีมาตรการช่วยเหลือ ไม่ใช่เป็นการทิ้งภาระไว้อย่างเดียว เช่น การจ้างงานใหม่หรือซื้อเครื่องจักรใหม่ ต้องให้เครดิตรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เคยมีโครงการแบบนี้ แต่ไม่เข้าใจที่ปัจจุบันพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นรัฐบาลมากว่า 14 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ทำสร้างความแคลงใจให้แรงงานว่าสัญญาไม่เป็นสัญญา รู้สึกแปลกใจเวลาหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหรือเลือกตั้ง อบจ. จะชูนโยบายเศรษฐกิจหาเสียง หวังว่าจะไม่เป็นการขายฝัน เพราะตนเข้าใจหัวอกแรงงาน มองว่าเวลาพรรค พท. หาเสียงทำเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายค้านไม่ได้เป็นรัฐบาล เป็นสิ่งที่ประชาชนตั้งคำถามว่าเป็นเทคนิคการหาเสียง ส่วนนโยบายการแจกเงินในช่วงวิกฤติ ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ขึ้นอยู่กับพื้นที่การคลังของประเทศ เช่น สิงคโปร์ก็มีการแจกเงิน แต่ต้องมีพื้นที่การคลังพอเพื่อการลงทุน รวมถึงยังสงสัยว่าแตกต่างกับที่แจงนโยบายกับ กกต. เพราะพรรค พท.บอกว่าจะใช้บล็อกเชน แต่มีการเปลี่ยนแผนไปจนนึกภาพไม่ออก

“ชัยธวัช” ซัดเมียใครเอี่ยว “ตู้ห่าว”

ต่อมาที่ตลาดนิยม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อม น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ขึ้นเวทีปราศรัย นายชัยธวัชกล่าวว่า นายทักษิณ พูดถึงหลายเรื่องเกี่ยวกับพรรค ปชน.ทำเรื่องยกเลิกกฎหมายเก่าล้าหลัง มองว่าการแข่งขันออกกฎหมายดีแล้ว เป็นสิ่งที่ สส.ต้องทำ หรือต้องมาเลือก สส.ไปนั่งง่อยเหมือน สส.ในรัฐบาล เราเลือก สส.ไปแก้กฎหมายเป็นไปตามระบบนิติบัญญัติ “เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะจัดการยาเสพติดให้จังหวัดอุดรธานี เพราะภรรยาของว่าที่ผู้สมัครบางคนยังมีเอี่ยวกับคดีตู้ห่าวอยู่เลย”

“อนุสรณ์” มั่นใจคนอุดรฯเลือก พท.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หาเสียงว่า พรรคเพื่อไทยยังคงรักษาโมเมนตัมเชิงบวกจากชัยชนะในศึกเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ผสานกับผลงานรัฐบาลที่ผลิดอกออกผล ทั้งโครงการแจกเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงกลางปีหน้า จะได้เห็นแสงสว่างกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักสดใสอีกครั้ง ปรากฏการณ์ที่นายทักษิณมาช่วยหาเสียง มาเยี่ยมยามถามข่าวพี่น้องคนอุดรในรอบ 18 ปี เป็นภาพยืนยันว่าอุดรธานียังคงป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง และเป็นบ้านของพรรคเพื่อไทย เราขอโฟกัสที่ตัวเอง เช่นเดียวกับพี่น้องชาวอุดรธานีที่ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าจะใช้โอกาสนี้เลือกคนทำงาน เลือกคนในพื้นที่ที่มีประสบการณ์มาทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อสร้างโอกาสให้คนอุดรต่อไป

“นพดล” โอ่จะกวาด สส.ทะลุ 200 ที่

ด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามทีี่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศบนเวทีปราศรัยว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง สส.สมัยหน้า ได้ สส.ไม่ต่ำกว่า 200 เสียง การตั้งเป้าไว้สูงเป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคอยากได้เสียงมากสุดในการเลือกตั้งเพื่อไปขับเคลื่อนนโยบาย เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอยู่ มีข้อได้เปรียบสามารถสร้างผลงานได้ หน้าที่หลักของพรรคคือมีสมาธิแก้ไขปัญหาปากท้อง กระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหายาเสพติด เพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยมากที่สุด เชื่อว่าหากมีผลงานก็มีโอกาสบรรลุ 200 เสียง

ย้ำจุดยืนเดิมประชามติชั้นเดียว

นายนพดล ในฐานะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการประชุม กมธ.ในวันที่ 20 พ.ย.ว่า เชิญบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลความเป็นไปได้ และความสะดวก ในการออกเสียงประชามติผ่านทางไปรษณีย์ ทำให้ประชาชนใช้สิทธิง่ายขึ้น จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังยืนหลักการตามร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่ผ่านสภาผู้แทน ราษฎร ไม่เห็นด้วยกับร่างที่วุฒิสภาแก้ไข จะไปอภิปรายโน้มน้าว สว.อีกครั้ง เมื่อถามว่า หากยืนตามร่างของ สส. กฎหมายต้องถูกพักไว้ 180 วัน จะกระทบต่อไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายนพดลตอบว่า คงมีผลกระทบบ้าง แต่ต้องพยายามทำตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องเผชิญกับความเป็นจริง ส่วนแนวทางทำประชามติ 2 ครั้ง ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนเสนอ มีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์มีสิทธิไปคุยกับประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯจะบรรจุเป็นระเบียบวาระหรือไม่ สังคมไทยต้องเข้มแข็งพอในหลักการที่ถูกต้อง ไม่ควรขับเคลื่อนบนพื้นฐานความคลุมเครือ เป็นพันธกิจทุกฝ่ายที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย

“อดิศร” ฟุ้งพูดตามจริงไม่เพ้อฝัน

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายทักษิณประเมินแบบผู้สันทัดกรณีเลือกตั้งคราวหน้าเพื่อไทยได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียง เป็นการวิเคราะห์ตามความเป็นจริง เพราะผลงานที่นายทักษิณมีกลายเป็นความผูกพันระหว่างประชาชนกับพรรคเพื่อไทย จึงมีความมั่นใจว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวจะพัฒนาไปสู่การมี สส.เพิ่มขึ้น เห็นว่าโอกาสเป็นไปได้สูงมาก และเห็นด้วยกับนายทักษิณ เพราะผลงานของรัฐบาลเริ่มทยอยออกมา พูดตามความเป็นจริงไม่เพ้อฝัน และ 200 เก้าอี้ไม่น่าเกินความคาดหมาย

“อนุทิน” โต้ขู่ถอนสมอพ้นรัฐบาล

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีการต่อรองทางการเมือง ถึงขั้นประกาศจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลว่า ไม่เคยมีคำว่าถอนตัวออกจากปากในชีวิตนี้ ไม่ใช่รัฐบาลนี้ ไม่มีวันว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้จะถอนตัว มีวิธีทำความเข้าใจ แสวงหาความร่วมมืออยู่ ไม่มีใครที่อยู่ในระดับบริหารประเทศ เป็นหัวหน้าพรรค มีวุฒิภาวะแล้วใช้วิธีขู่ เชื่อว่าในทางการเมืองไม่มีการขู่ ถ้าชักดาบต้องคอขาดเลย ไม่มีขู่ ขู่ให้เขาเห็นทำไมว่าเรามีของหรือไม่มีของ ในทางการเมืองต้องเข้าใจเรื่องนี้ก่อน ถ้าวันไหนเขาไม่พอใจเราจนถึงเขาอยู่ไม่ได้จริงๆ เขาก็จะไม่เตือนเรา ดีดเราออกเลย

ปัดเป็นร่างทรงขั้วอนุรักษนิยม

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรค ภท.ถูกจับตาเป็นพรรคหลักของฝ่ายอนุรักษนิยมในอนาคต นายอนุทินตอบว่า พรรค ภท.ไม่ได้เป็นตัวแทนของขั้วอนุรักษนิยม พรรคมีแนวปกป้องรักษาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่เปิดพรรคเมื่อ 16 ปีก่อน ไม่ได้เป็นอนุรักษนิยม ยังไม่เข้าใจอนุรักษนิยมคืออะไร เราเปิดกว้างพูดแล้วทำ ลุยๆ อะไรถูกต้องไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ปากไม่ค่อยหวาน บางครั้งปากเสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้คือใจที่มั่นคง ต้องการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทำให้พรรคอยู่ได้ยั่งยืน มีความภาคภูมิใจต่อให้พ้นไปแล้ว

ดับกระแสไม่เคยคิดโค่นนายกฯ

เมื่อถามถึงการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ นายอนุทินตอบว่า อยู่บนเส้นทางอย่าวอกแวก วันนี้เส้นทางให้มาเป็นรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย แสดงว่ากระทรวงนี้สำคัญมาก เป็นที่หมายปองของนักการเมืองรุ่นใหญ่แทบทุกคน ถึงโดนเสียดสีเยอะขนาดนี้ แต่วันนี้เป็นบทบาทของพรรค ภท.มากำกับดูแล ทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ “ไม่ใช่วันๆนั่งทำงานไป โอ้ยกระทรวงนี้ใหญ่ดีนี่หว่า โอ้โหอำนาจบริหารราชการแผ่นดินอยู่ในมือกระทรวงนี้หมด คุมผู้ว่าฯ 77 จังหวัด เฮ้ยคิดโค่นนายกฯดีกว่า ไม่ได้ ไม่เคยมีอยู่ในหัวแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ทุกวันนี้ทำงานในฐานะ รมว.มหาดไทย ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ให้รัฐบาลมีความมั่นคงมีเสถียรภาพ”

คดีอัลไพน์–เขากระโดงทำตาม ก.ม.

เมื่อถามย้ำว่าสมัยก่อน รมว.มหาดไทยถูกยกให้เป็น “นายกฯน้อย” ถึงมีคนจ้องล้ม นายอนุทินตอบว่า อย่าทำผิดสิ ทำผิดนิดเดียวมีคนเป็นร้อยเป็นพันจ้องล้ม ต้องระมัดระวังมากไม่คิดอะไรที่เกินตัว เชื่อว่าตั้งแต่ 1 ต.ค.2567 หลักปรับกระบวนท่าอยู่ 1 ปี ตอนนี้เข้าที่เข้าทาง ได้คัดเลือกปลัดกระทรวง มท.ด้วยตัวเอง ขับเคลื่อนกระทรวงเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว ทำงานตอบสนองกันเต็มที่ ไม่ใช่รัฐมนตรีสั่ง อย่างปลัดกระทรวง มท.จะทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ทำ ยุคนั้นไม่มีแล้ว ตอนนี้ รมว. มท.กับปลัด มท.เปรียบเสมือนคนเดียวกัน ข้าราชการให้ความร่วมมือเต็มที่ งานทุกอย่างถูกสั่งการไปตามหน่วยงาน ไม่มีปัญญาที่จะทำทุกอย่าง “กรมที่ดิน เขากระโดงทำให้ดี อย่าผิดกฎหมาย แม้กระทั้งเรื่องอัลไพน์ รองปลัด มท.เป็นผู้รับผิดชอบ คุณจะเซ็น ไม่เซ็น ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้ ต้องใช้ดุลพินิจเอง รัฐมนตรีสั่งไม่ได้ ผมสั่งเมื่อไหร่ เกิดมีเรื่องขึ้นมาเขาบอกว่าทำตามรัฐมนตรี จากที่ผมไม่เกี่ยวงานเข้าเลย”

“สรรเพชญ” จี้ รบ.เร่งเบิกจ่ายงบ 68

อีกเรื่อง นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่เกินเป้าหมายรวม 94.08% แต่การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าส่งผลให้หน่วยรับงบประมาณเหลือเวลาทำงานน้อย และต้องเร่งเบิกจ่ายในช่วงท้ายปี โดยเฉพาะงบลงทุนว่า ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายด้านบุคลากร ส่วนงบลงทุนที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำได้เพียง 65.15% ต่ำกว่าเป้าหมาย งบส่วนที่เหลือถูกตั้งไว้เป็นงบเบิกเหลื่อมปี คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2568 ส่วนที่ต้องติดตามให้ความสำคัญ คืองบประมาณรายจ่ายปี 2568 ที่กำลังบังคับใช้ หลายโครงการได้รับการจัดสรรแล้ว แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งกระบวนการประมูล จัดซื้อจัดจ้าง และอนุมัติโครงการ เพื่อให้ทันกรอบเวลาที่กำหนด การเร่งรัดนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มการจ้างงาน และเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ห่วงกระทบแผนพัฒนาประเทศ

“กังวลว่าหากรัฐบาลยังไม่ปรับปรุงกระบวนการ เช่น ลดขั้นตอนที่ซับซ้อนและบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ความล่าช้าเดิมอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุน อาจกระทบต่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ การบริหารจัดการงบลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยให้การเบิกจ่ายงบประมาณบรรลุเป้าหมาย แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในระดับฐานราก ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น และกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน จะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง” นายสรรเพชญกล่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่