ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ การเมืองคงต้องโฟกัสไปที่จังหวัดอุดรธานี เมืองหลวง แดนอีสานของพรรคเพื่อไทย

เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้มากบารมีเหนือพรรค เหนือรัฐบาล เหนือนายกรัฐมนตรี

ที่ก้าวออกจากถ้ำจันทร์ส่องหล้าอย่างเต็มตัว หลังจากที่เก็บตัวเงียบระยะหนึ่ง เพราะสถานการณ์การเมืองเรียกร้องให้รีบแสดงพลังได้แล้ว

เพราะอีกเพียงแค่ 2 ปีกว่าๆก็จะเลือกตั้งใหญ่แล้ว ไม่ใช่ 3 ปี วันเวลามันเดินไปอย่างรวดเร็ว ปี 2570 อยู่ไม่ไกลแล้ว

ทุกอย่างจะต้องสะสางให้เสร็จเสียก่อน

ก็อย่างที่เจ้าตัวประกาศว่า “เพื่อไทย” จะต้องได้ 200 เสียงขึ้นไป

จึงต้องรีบจุดพลุในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีจำนวน สส.มากที่สุดคือ 133 เสียง โดยเลือก “อุดรฯ” เป็นพื้นที่แรกประเดิม

ยุทธการ “ยึดคืน” อีสานบ้านเฮา...

นับแต่ “ทักษิณ” ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศเสีย 17 ปี ปรากฏว่าอีสานซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญ

ที่ “ไทยรักไทย” และ “ทักษิณ” ก็เกิดจากที่นี่

แต่ปรากฏว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา “เพื่อไทย” ได้ สส.ไม่ถึง 100 คน ถูกพรรค การเมืองอื่นแย่งชิงไปและทำท่าว่าจะเหลือน้อยลงอีกด้วย

“ภูมิใจไทย” ไล่กวดมาอันดับ 2

“ก้าวไกล”–พรรคประชาชนในปัจจุบันไล่มาอันดับ 3

ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้อย่าว่าแต่แลนด์สไลด์เลย แค่ 200 เสียง ก็ยากเต็มกลืนแล้ว

ที่สำคัญเป็นโอกาสที่ดี เพราะที่อุดรฯจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งคู่แข่งคือผู้สมัครจากพรรคประชาชน

จึงถือโอกาสรวบยอดเรียกคะแนน เสียงคืน และถล่มคู่แข่งให้จมดินไปทีเดียว

“ทักษิณ” ไปอุดรฯคราวนี้พยายามที่จะทำให้คนอุดรฯระลึกถึงความหลังครั้งเก่าๆ ทำตัวโลว์โปรไฟล์ไปกินข้าวร้านเก่าเจ้าประจำ นั่งเครื่องบินโลว์คอสต์

...

เหมือนชาวบ้านทั่วไป!

แต่ปราศรัยใหญ่ 2 วัน 3 เวที เพื่อจะได้เผยความในใจระลึกความหลังได้เต็มที่ รวมถึงหาเสียงหาคะแนนให้ได้ยินกันไปทั้งประเทศ

ฟื้นชีพ “ระบบทักษิณ” เต็มพิกัด...

นอกจากเล่าถึงความหลังที่เขาได้ทำอะไรให้คนไทยสำเร็จมาแล้วและจะทำอะไรต่อไป แถมคุยว่าถ้าเขาไม่ถูก “ยึดอำนาจ” น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้

“ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างงานใหม่”

และ “โอทอป” ที่ประสบความสำเร็จ

และย้ำหัวตะปูสอนมวยพรรค “ประชาชน” ของคนรุ่นใหม่ที่ยังด้อยประสบการณ์ คิดที่จะยุบเลิกบั่นทอนโครงสร้างของประเทศที่ประชาชนเคารพนับถือ

เขาบอกว่าเรื่อง ม.112 นั้น ก็เคยบอก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ไปแล้ว

กฎหมายไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันคือการบังคับใช้เท่านั้นจึงไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว

และสอนด้วยว่าการเสนอให้บัญญัติกฎหมายใหม่ๆมากมายนั้นไม่มีความจำเป็น แต่ควรยกเลิกกฎหมายเก่าๆที่ทำให้เกิดปัญหามากกว่า

หรืออย่างเรื่องการกระจายอำนาจ “เพื่อไทย” ก็ดำเนินการเรื่องนี้

โดยสรุปก็คือแสดงความเหนือชั้นข่มขวัญพรรคคนรุ่นใหม่ทุกประตู

แต่พอถามถึงปัญหาขัดแย้งในรัฐบาลระหว่าง “ภูมิใจไทย” กับ “เพื่อไทย” เรื่องเขากระโดง “ทักษิณ” บอกว่าไม่มีอะไร

พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันรู้เรื่อง!

คือพยายามที่จะไม่แตะ “ภูมิใจไทย” ทั้งๆที่รู้ดีว่าเป็นพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งที่จะต้องต่อสู้กันในสนามเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่เพราะ “ภูมิใจไทย” เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องการหนุนให้รัฐบาลนี้อยู่ให้ได้

เวลานี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดศึก โดยมั่นใจว่าคู่แข่งมีเพียง

พรรค “ประชาชน” เท่านั้น!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม