“รองนายกฯ ประเสริฐ” รับลูก “ทักษิณ” ระบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เสร็จเดือน มี.ค. 68 ชี้ 200 ที่นั่ง ส.ส. เลือกตั้งหน้า ต้องมาจากประชาชนเลือก แจง “ทักษิณ-ธนาธร” ไม่เกี่ยวตั้งรัฐบาล
วันที่ 15 พ.ย. 2567 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สืบเนื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีปราศรัยที่ จ.อุดรธานีช่วงหนึ่งว่าระบบจะเสร็จในช่วงเดือนมี.ค. ปี 2568 ว่า การพัฒนาระบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หลังจัดทำระบบเสร็จสิ้นก็ต้องทดลองระบบซึ่งใช้ระยะเวลาพอสมควร เพื่อตรวจดูว่ามีความเสถียรหรือไม่ เมื่อถามว่าระบบจะเสร็จในช่วงเดือนมี.ค. 2568 หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ช่วงเดือนมี.ค. เป็นช่วงที่มีความตั้งใจไว้ เพราะเดิมตั้งใจไว้ว่าเงินที่จะใช้จะให้อยู่ภายในปีงบประมาณ ซึ่งเดือนมี.ค. ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม เมื่อถามย้ำว่าเดือนมี.ค. แอปพลิเคชัน และระบบจะเสร็จพร้อมใช้เลยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อถามว่าการจัดซื้อจัดจ้าง แพลตฟอร์ม หรือระบบดิจิทัล ที่ก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกไป เปิดประมูลใหม่แล้วหรือยัง นายประเสริฐ กล่าวว่า จะมีการรายงานความคืบหน้าให้กับตนในวันนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพยายามได้ดำเนินการในระยะที่สอง หรือ เฟส 2 หลังจากที่เฟสแรกจบลงแล้ว
นายประเสริฐ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ประกาศบนเวทีปราศรัยว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยได้ สส. ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงว่า เข้าใจว่าเป็นการให้กำลังใจทั้งผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี และผู้สมัคร สส. ในอนาคต เพราะหลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายออกไปหลายอย่าง ท่านเชื่อว่าจะส่งผลให้ได้รับความนิยมจากประชาชน จนทำให้ได้รับการเลือกตั้ง สส. ถึง 200 เสียง เมื่อถามว่า 200 เสียงที่ว่า จะมาจากพรรคประชาชน หรือพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ถ้าตอบชัดๆ ก็ต้องมาจากพี่น้องประชาชนเพราะเป็นคนเลือก
...
เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลในปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 ตามที่นายทักษิณ มีวิวาทะกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่เคยทราบว่าทั้งคู่มีวิวาทะกัน และสองท่านนี้ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล การจัดตั้งรัฐบาลห้วงเวลานั้น ตนในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในเวลานั้น ได้ไปเจรจากับหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ที่จะมาร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่นายธนาธร แต่ยอมรับว่ามีเรื่องมาตรา 112 อยู่ด้วย รวมถึงหลายเรื่อง เช่น เรื่องการทำงานที่มีบางเรื่องคล้ายกัน และบางเรื่องก็แตกต่างกัน หากย้อนไปในช่วงนั้น พรรคเพื่อไทยเปิดโอกาสให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ แต่เมื่อไม่สามารถโหวตได้ และไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็มีการนำเสนอให้พรรคลำดับที่สอง คือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สมัยก่อนเราเคยชนะที่ 1 เราก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง