ผมชำเลืองดูปฏิทินตั้งโต๊ะข้างหน้าผมอยู่หลายตลบ และพบว่าวันที่ต้นฉบับวันนี้จะลงตีพิมพ์คือวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน “วันสุกดิบ” ก่อนวัน “ลอยกระทง” 1 วันนั่นเอง

ดังที่ทราบหลายๆ จังหวัดหลายๆ อำเภอหลายๆ ชุมชนทั่วประเทศ และหลายๆ เขตใน กทม. เริ่มจัดงานลอยกระทงกันแล้ว

ผมควรจะเขียนถึงเรื่องที่ “นักวิชาการ” และผู้มีความรู้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของบ้านเมือง...ที่ออกมาคัดค้านการสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยท่านใหม่ ต่างรู้สึก “ผิดหวัง” ไปตามๆกันหรือไม่? จากผลการประชุมของคณะกรรมการสรรหาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

อย่างที่ผมเรียนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ประชุมอะไรก็ไม่รู้ยืดยาวเหลือเกินตั้งแต่เช้าจนบ่าย 3 โมงครึ่งแล้วยังไม่จบ--ทำให้ผมรอไม่ได้ต้องเขียนถึงเรื่องอื่นๆไปพลางๆก่อน เพราะจะต้องรีบส่งต้นฉบับตามเวลาที่โรงพิมพ์กำหนดไว้

ผลปรากฏว่าแม้ประมาณ 4 โมงเศษๆ การประชุมจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ท่านประธานฯก็ยังแจ้งรายชื่อบุคคลที่กรรมการคัดเลือกไว้ไม่ได้อีก...โดยหลบไม่ตอบคำถามนักข่าว และบอกเพียงว่า ขั้นตอนนี้เสร็จแล้วจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป

ปล่อยให้ต้องเดาและอาศัย “แหล่งข่าว” ใกล้ชิดที่ระบุว่า น่าจะได้แก่ คุณ กิตติรัตน์ ณ ระนอง บุคคลที่นักวิชาการลงชื่อค้านรอบแรก 227 คน และรอบหลัง 830 คนนั่นเอง

ผมจึงได้เรียนไว้ว่าลังเลใจที่จะเขียนถึงเรื่องนี้ดีหรือไม่...ในบรรยากาศที่คนไทยควรจะมีความสุขอย่างยิ่งในช่วงลอยกระทง

แต่มาคิดอีกทีจะไม่เขียนถึงเสียเลยก็จะเท่ากับไม่ได้บันทึกเหตุการณ์อันสำคัญยิ่งนี้ไว้

ที่สำคัญที่สุด ผมไม่อยากเห็นความแตกแยกของบ้านเมืองเราเพิ่มมากขึ้น ในยามที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยเป็นอยู่ในขณะนี้ครับ

...

ผมยังเชื่อว่าปัญหาของโลก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจยังหนักหน่วงมาก จำเป็นที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่ายทุกพรรคการเมือง รวมถึงประชาชนชาวไทยที่จะนำพาประเทศไทยของเราฝ่าพายุเศรษฐกิจครั้งนี้ไปให้จงได้

ที่ผมเห็นด้วยกับนักวิชาการที่ออกมาคัดค้านการแต่งตั้งผู้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองมาโดยตลอดก็เพราะทราบดีว่า ทุกๆคนค้านด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง

ความเป็นกลางและการเป็นอิสระทางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่แบงก์ชาติทุกชาติจะต้องคำนึงถึง และเป็นหลักการสากลที่ประเทศพัฒนาแล้วทุกๆด้านพึงปฏิบัติ

ที่สำคัญยังจะเป็นการช่วยถ่วงดุลรัฐบาลเอาไว้มิให้นำนโยบายการเงินไปเป็นเครื่องมือในการหาเสียง หรือแก้ปัญหาระยะสั้นที่อาจมีปัญหาในระยะยาวได้เป็นอย่างดียิ่ง

ผมเองแม้จะเชื่อว่าคุณกิตติรัตน์เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ แต่โดยที่ท่านเคยอยู่ในสังกัดการเมือง จึงยากที่จะทำให้ฝ่ายต่างๆยอมรับได้ว่าจะไม่มีการเมืองมาครอบงำแบงก์ชาติ

โดยส่วนตัวผมเองเท่าที่รู้จักคุณกิตติรัตน์ เคยทำงานกับท่านในบางเรื่องด้วยซ้ำ และเคยเขียนถึงท่านเต็มคอลัมน์หลายๆครั้ง

ยินดีสนับสนุนท่านให้ดำรงตำแหน่งอื่นๆทุกตำแหน่ง ยกเว้นตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติเท่านั้นเอง ด้วยเหตุผลที่ผมไม่อยากเห็นการทะเลาะเบาะแว้ง และการขัดแย้งรุนแรงไปมากกว่านี้

จึงขอร้องอีกครั้งให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

อย่างที่ท่านประธานสรรหาบอกไว้...ยังมีอีกหลายขั้นตอน จึงยังสามารถที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ผมก็ขอภาวนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและจบลงด้วยดีเทอญ

วันนี้พรุ่งนี้ระหว่างลอยกระทง ผมก็จะอธิษฐานในทำนองนี้แหละครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม