พลังประชารัฐ เตรียมยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ “นายกฯ-ครม.” เสนอ 4 ข้อ จี้ยกเลิก MOU 2544 ด่วน หยุดกระทำการที่จะทำให้เสียดินแดน เผยคำ “บิ๊กป้อม” ขอรักษาผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วไว้ด้วยชีวิต พร้อมประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน โดยมีมติพรรคให้ยื่นหนังสือเปิดผนึกไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ดำเนินการยกเลิก MOU 2544 เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ศึกษาผลกระทบแล้วพบว่า แผนที่แนบ MOU 2544 ปรากฏเส้นเขตแดนของประเทศกัมพูชาที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายสากล และรวมเอาน่านน้ำภายในของจังหวัดตราด ทะเลอาณาเขตของเกาะกูดด้านทิศใต้ รวมถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะกลางอ่าวไทย เข้าเป็นพื้นที่ ฝ่ายกัมพูชานำมาใช้เป็นกรอบการเจรจา ซึ่งการยอมรับเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวอ้างโดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูด

...

ดังนั้น ด้วยเจตนารมณ์ของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดังนี้

1. ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อยกเลิก MOU 2544 อย่างเร่งด่วน

2. ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดำเนินการแก้ปัญหาเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูด ต้องยึดตามกฎหมายทะเลที่เป็นสากลและดำเนินการเจรจาเฉพาะเรื่องเขตแดนทางทะเลให้เสร็จสิ้นก่อน โดยต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องเขตแดนทางทะเลและอำนาจอธิปไตยของชาติยิ่งไปกว่าผลประโยชน์อื่นใด โดยจะต้องรักษาทรัพยากรของชาติไว้ให้ลูกหลานสืบไป

3. ขอให้สั่งการให้บุคคลและหน่วยงานรัฐ หยุดกระทำการใดๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดข้อผูกพันตามกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งการเสียดินแดนอธิปไตยทางทะเลและผลประโยชน์ในทรัพยากรฯ ของชาติและของประชาชน

4. ขอให้ระลึกถึงบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ที่ได้ถวายสัตย์ไว้ว่า “จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและของประชาชน และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

นายชัยมงคล กล่าวต่อไปว่า พรรคพลังประชารัฐ จะดำเนินการยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวให้กับนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า เพื่อตอกย้ำให้เห็นจุดยืนของพรรคในการที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มใดมาแสวงหาผลประโยชน์ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติหรืออาณาเขต หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะช่วยคืนความทรงจำและยับยั้งให้นายกรัฐมนตรีได้ฉุกคิดในการที่จะเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU 2544

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวเสริมว่า พล.อ.ประวิตร ยืนยันชัดเจนว่าจะรักษาผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วไว้ด้วยชีวิต และจะไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำอาณาเขตหรือพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ ไปใช้ประโยชน์ เพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดเท่านั้น

ต่อมา นายภัทรธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวว่า ที่ประชุมพรรควันนี้มีมติตั้งศูนย์ประสานงานข้อมูลเขตจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด และมอบให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยที่ประชุมได้มีการหารือกรอบการวางยุทธศาสตร์ในการดูแลศูนย์ข้อมูล เพื่อให้ สส. และว่าที่ผู้สมัคร สส. ได้มีข้อมูลเพื่อไปทำงานในพื้นที่ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคแบ่งหน้าที่ลงไปดูแลพื้นที่ในทุกๆ ภาคของประเทศไทย โดยแบ่งพื้นที่ทั้ง 400 เขต ออกเป็นกลุ่มจังหวัด เพื่อที่จะได้จำแนกและลงไปวิเคราะห์ถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนในแต่ละกลุ่มจังหวัด รวมถึงด้านอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การประมง หรืออาชีพอื่นๆ

“พรรคพลังประชารัฐ จะลงไปทำงานในพื้นที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เห็นถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายต่างๆ ส่วนนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า”