คำร้องของ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย สั่งการให้ ทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย หยุดพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ที่มีถึง 6 ประเด็นและมีการขอเพิ่มประเด็น MOU 44 ไปด้วยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติรับหรือไม่รับคำร้องในวันที่ 13 พ.ย. หลังจากที่ให้ไปขอความชัดเจนเพิ่มเติมจากอัยการสูงสุดในบางเรื่อง ซึ่งมีข้อที่น่าสังเกตบางประการ ดังนี้
ในวันที่ 16 พ.ย.ที่จะถึงนี้ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะครบวาระตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปัญญา อุดชาชน ที่จะครบวาระในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ทำให้จำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ครบองค์คณะ ต้องไปดูข้อกฎหมายว่า จำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ หรือในกรณีที่ไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ ข้อกฎหมายจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
และในกรณีนี้จะต้องมีการ สรรหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ครบองค์คณะ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร ตั้งแต่การเปิดรับสมัครไปจนถึงขั้นตอนสำคัญ ให้ สว. ลงมติเห็นชอบ ถ้า สว.ไม่เห็นชอบก็ต้องไปสรรหากันใหม่
ดังนั้น ถ้าในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ยังไม่มีการพิจารณาคำร้อง ของ อดีตทนายความพุทธะอิสระ มีความเป็นไปได้ว่า การพิจารณารับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเลื่อนออกไปอีก
แม้ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะบัญญัติเอาไว้ว่า แม้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะครบวาระไปแล้ว แต่ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีตุลาการคนใหม่ เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งแตกต่างจากองค์กรอิสระอื่นๆ
แต่โดยหลักปฏิบัติแล้ว มักจะไม่ทำหน้าที่วินิจฉัยคดีสำคัญ เพราะจะมีผลผูกพันต่อเนื่อง ในการวินิจฉัยคดีในลำดับต่อไป และคดีนี้เป็นเพียงขั้นตอนรับหรือจะไม่รับคำร้องเท่านั้น
...
อย่างไรก็ตาม ประธานการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ได้ออกประกาศรับสมัครตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองตำแหน่งแล้ว ซึ่งเปิดรับสมัครวันที่ 11-25 พ.ย.นี้
ประเด็นนี้ เมื่อเอาไปมัดรวมกับ การสรรหา ป.ป.ช. แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยเฉพาะ ตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ซึ่งต่างจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อครบวาระจะต้องสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที แต่จะได้คำตอบเดียวกัน ทั้งสองกรณี
คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ สว.สายสีน้ำเงิน.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม