“อนุทิน” ยัน ไร้ฟอกขาว-แทรกแซงช่วยเพื่อน ปมคดีที่ดินเขากระโดง แจงคำพิพากษาลงก่อนรับตำแหน่ง มท.1 ด้านอธิบดีกรมที่ดิน ยันคำแถลง คกก.สอบไม่มีฟอกขาว หลังถูกโยง รมต.เป็นคนภูมิใจไทย ย้ำยึดข้อกฎหมาย

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่เกาะกูด จ.ตราด ถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ผลสรุปกรมที่ดิน ในกรณีที่ที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตนเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย รู้จักทุกฝ่าย แต่สิ่งที่บอกกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดคือให้ว่ากันตามเนื้อผ้า ว่ากันตามกฎหมายและกฎระเบียบ ตนไม่มีแทรกแซง ไม่มีความกดดันใดๆ นี่คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ หากจะเอาให้ชัดเจนต้องไปถามคนที่ทำเรื่องนี้ว่ามีแรงกดดันอะไรลงไปหรือเปล่า

นายอนุทิน ยังได้ชี้แจงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการลาออกของอธิบดีกรมที่ดินมาเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว ว่าเขาต้องการไปดูแลสุขภาพของภรรยา และตอนที่ตนเข้ามากระทรวงใหม่ๆ ตนเป็นคนขอให้ยับยั้งการลาออกของท่าน 2-3 รอบ แต่ท่านก็อธิบายถึงความจำเป็น และท่านก็มาให้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ส่วนที่สำนักข่าวมาตีข่าวว่าอธิบดีทนไม่ไหวจนต้องลาออกนั้น ยืนยันว่ามันไม่ใช่ การเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และคณะกรรมการที่ศึกษาเรื่องที่ดินเขากระโดง แต่งตั้งขึ้นก่อนที่ตนจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 แต่คำพิพากษามีมาตั้งแต่ปี 2560-2561 ก่อนตนเข้ารับตำแหน่ง 6 ปี คงไม่มีใครคิดว่าตนจะมารับตำแหน่งหรอก พร้อมย้ำว่าด้วยนิสัยของตนและวิธีการทำงานแต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนถึงน้อยจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่มีคำว่าช่วยเพื่อน มาอยู่ตรงนี้ช่วยไม่ได้

...

สำหรับคำแถลงการณ์ของกรมที่ดิน ที่ระบุว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ใช่เป็นการฟอกขาวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ซึ่งมีคำสั่งของศาลปกครองให้ร่วมกันตั้งกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่คณะกรรมการชุดนี้ตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คงมาสั่งการอะไรในกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ และไม่ว่าผลการตัดสินนั้นจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ไม่มีช่องไหนที่จะมาบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถเพิกถอนหรือไม่เพิกถอน เพราะไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรี

นายอนุทินยังระบุด้วยว่า เรื่องมันจบที่กรม จบที่คำสั่งศาล หากใครมีประเด็นก็ไปฟ้องศาล พื้นที่เขากระโดงมีพื้นที่ 5,000 กว่าไร่ เท่าที่ตนทราบตระกูลชิดชอบมีอยู่ 300 ไร่ แล้วอีก 4,700 ไร่ จะผิดแค่ 300 ไร่ได้อย่างไร หากเป็นอย่างนั้นก็ไปพิสูจน์เอา ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่อำนาจในการเพิกถอนหรืออนุญาต อยากจะยุ่งก็ยุ่งไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ

ทางด้านนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า ในส่วนของกรมที่ดินทำ ทำอยู่ 3 ส่วน โดยส่วนแรกทำตามคำสั่งศาลปกครอง ส่วนที่สองทำตามข้อกฎหมาย ไม่มีส่วนใดใช้เรื่องดุลยพินิจ และส่วนที่สามทำไปตามข้อเท็จจริงที่มีพยานหลักฐานและกฎหมายที่ชัดเจน เพราะฉะนั้น ทุกอย่างสามารถตรวจสอบในเรื่องการดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยอยู่ในพรรคภูมิใจไทย จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฟอกขาว โดยอธิบดีกรมที่ดินกล่าวยืนยันว่า กระบวนการที่ดำเนินมาทำตั้งแต่ก่อนที่นายอนุทินจะเข้ามา การตั้งคณะกรรมการมีมาก่อน และการหาเอกสารพยานหลักฐานในการดำเนินการก็ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด จึงยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครอง ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่าเมื่อดูจากพยานหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆ ใช่หรือไม่ อธิบดีกรมที่ดินตอบว่า เรื่องหลักฐานเรื่องการอ้างสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการหรือประชาชนต้องมีหลักฐานทางกฎหมายที่ยืนยันถึงการมีสิทธิ์ที่ดินนั้นๆ