นายกฯเรียกหน่วยงานกำชับเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน ย้ำเช็กอินต้องเร็วไม่ทำให้เสียแพลน ให้รู้สึกปลอดภัยตอนอยู่ในไทย ดีใจนักท่องเที่ยวอินเดียพุ่ง 140% แต่คนจีนลดลงนิดหน่อย ปลื้มพ่อชมเรียนรู้งานเร็ว-ไม่เหลิงรับฟังคำติ บินลัดฟ้าไปร่วมประชุมผู้นำเอเปก ครั้งที่ 31 ที่เปรู “นพดล” เผยมีผู้แทน อสส.ร่วมในเจทีซี ขืน “ทักษิณ-อิ๊งค์” ทำงุบงิบปิดไม่อยู่แน่ เชื่อเอ็มโอยู 44 ไม่เป็นไฟลามทุ่ง “จิรายุ” โต้เฟกนิวส์ปั่นคนแตกตื่น ไม่มีการเสริมทหารบนเกาะกูด พท.ฟุ้งคนอุดรตั้งตารอ “นายใหญ่” “เต้น” ลั่นเดินหน้าปราศรัยต่อไม่หวั่น “วิโรจน์” เตือนอย่าลำพองว่าถูกเลือก ตอกทำลายภาวะผู้นำ “ลูกสาว” “นิกร” แนะ พท.ถอย พ.ร.บ.ประชามติก่อนเจอทางตัน “สรวงศ์” ขอให้มี ส.ส.ร.ในรัฐบาลนี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือโอกาสก่อนบินไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย. เรียกเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานหารือ พร้อมติดตามการดำเนินการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน
“อิ๊งค์” กำชับรับนักท่องเที่ยวไฮซีซัน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เพื่อตรวจติดตามการดำเนินการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะกรรมการบริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ด AOT รอต้อนรับ
...
ย้ำเช็กอินเร็วห่วง นทท.เสียแพลน
น.ส.แพทองธารกล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันว่า การท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายของประเทศไทย ต้องเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน เพราะเราอยากเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวกับหลายๆประเทศ อยากเน้นย้ำเรื่องเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อยากให้ผู้บังคับบัญชาทุกคนช่วยกันดู เพราะเจ้าหน้าที่ของเราอย่างตำรวจที่ทำงานหนัก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซันหน้างานเหนื่อยมาก อยากให้ดูแลในส่วนนี้ และขอให้ดูเรื่องการเช็กอินให้มีความรวดเร็ว เนื่องจากอาจมีความล่าช้าเพราะเป็นช่วงไฮซีซัน แต่อย่าให้ช้าจนเสียแพลนที่นักท่องเที่ยววางไว้ ทราบมาว่ามีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้น ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆขอให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมากขึ้น
ปลื้มนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่ม 140%
ต่อมา น.ส.แพทองธารเดินตรวจเยี่ยมระบบตู้ข้อกำหนดสำหรับการเช็กอินด้วยตนเอง (Self Service Check-In : KIOSK) และจุดโหลดกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ในการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยการสแกนใบหน้าผู้โดยสาร ด้วยระบบ Biometric บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง ของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า ทุกหน่วยเตรียมพร้อมเต็มที่มาก ทุกคนตระหนักดีว่านี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ระบบตรวจคนเข้าเมืองมีความพร้อมขึ้นเยอะ สอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องระบุว่าเตรียมไว้หมดแล้ว แม้จะมีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นก็ไม่ต้องห่วง เราพร้อมจะเป็นฮับการท่องเที่ยว ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาใกล้เคียงกับปี 2562 แล้ว พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเพิ่มมากขึ้น 140% จากที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายฟรีวีซ่า ส่วนคนจีนลดบ้างนิดหน่อย แต่มีการเลือกซื้อและเลือกเที่ยวมากขึ้น ถือว่าเส้นกราฟไปได้ดี
ต้องทำให้คนมาเที่ยวรู้สึกปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากำชับ ททท.อย่างไรบ้างน.ส.แพทองธารตอบว่า ให้ดูแลความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก นักท่องเที่ยวต้องรู้สึกปลอดภัย รวมถึงเรื่องความสะอาด เรื่องวัฒนธรรมเสน่ห์ของเราที่พยายามจะขายให้ได้เยอะๆ เมื่อถามว่ารอบนี้ไปต่างประเทศหลายวัน ฝากงานอะไรกับรองนายกฯไว้บ้าง นายกฯกล่าวว่า รองนายกฯหลายท่านทราบอยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องการเดินทางของนักท่องเที่ยว ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดูแลทุกคนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ
ปลื้มพ่อชมเรียนรู้งานเร็ว–ไม่เหลิง
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวชื่นชมการทำงานว่า มีความมุ่งมั่นและเรียนรู้งานได้เร็วว่า ต้องขอบคุณคุณพ่อ ใครชมก็เป็นกำลังใจทั้งนั้น เราต้องชอบคำชมมากกว่า แต่ถ้ามีคำติก็ยินดีรับฟังเสมอ ต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถทำได้ทุกเรื่องเพียงลำพัง มีอะไรก็ติชมกันมา พร้อมปรับปรุงและทำงานให้เต็มที่ ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังไมค์นายทักษิณให้คำแนะนำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีคำถามหรือหัวข้ออะไรก็สอบถามท่านได้ อยากได้คำปรึกษาแนวไหนก็สอบถามได้ฟรี ไม่คิดตังค์ เมื่อถามว่านายทักษิณเตรียมลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานีหาเสียง เป็นห่วงหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า เป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า ไม่อยากให้ไม่สบาย เพราะเห็นเลยตั้งแต่อายุ 70ปีขึ้นมา เวลาไม่สบายขึ้นมาจะหนัก ห่วงเรื่องนี้ แต่เรื่องอื่นไม่เป็นอะไร สำหรับตนนายทักษิณเป็นคนเก่งอยู่แล้ว
บินลัดฟ้าไปร่วมประชุมผู้นำเอเปก
ทั้งนี้ภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น น.ส.แพทองธารกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ไม่เจอกัน 8 วัน และครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เจอลูกนานสุด” จากนั้นเวลา 19.00 น. น.ส.แพทองธารนำคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ไปยังนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย.
พท.ปัด “ทักษิณ” งุบงิบโทร. “ฮุน เซน”
วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีมีขบวนการล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยใช้ประเด็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า มองและสงสัยได้ แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ไม่มีทางที่นายทักษิณจะงุบงิบโทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุน เซน ให้เอื้อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ เพราะมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กันพูชา (เจทีซี-JTC) เป็นกลไกเจรจา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่ในเจทีซี ไม่ได้เป็นคนเจรจา สมมติไปสั่งการรับรองความลับปิดไม่อยู่แน่ เพราะคณะกรรมการเจทีซีมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เท่าที่ทราบมีตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ด้วย เก็บความลับไม่ได้แน่นอนถ้าไปเอื้อประโยชน์ อยากให้ทุกฝ่ายเอาความจริงมาคุยกัน
เชื่อศาล รธน.ตัดสินตามข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างที่มีขบวนการเคลื่อนไหว ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ปลุกกระแสชาตินิยม ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นช่วงเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยรับหรือไม่รับคดีให้นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย หยุดพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง นายนพดลตอบว่า ไม่อยากสรุปเช่นนั้น แต่มีความเชื่อมโยงในแง่เวลา ที่ถูกร้องพยายามยุบพรรคเพื่อไทย และถูกร้องอ้างว่านายทักษิณไปสั่งให้พรรคเพื่อไทยเอื้อประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน ทั้งหมดไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องไปเจรจา และต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่เมตตาขอรายละเอียดจากอัยการสูงสุดเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่ารับหรือไม่รับคดี ถือว่ารอบคอบที่เอาข้อมูลมาดูว่าทำไมอัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการ หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินตามข้อเท็จจริง และกฎหมาย
ปมเอ็มโอยู 44 ไม่น่าเป็นไฟลามทุ่ง
เมื่อถามว่ารัฐบาลเพื่อไทยขับเคลื่อนแต่ละเรื่องล้วนเผชิญปัญหาสะดุดหมด จะอยู่รอดครบเทอมถึงปี 2570 หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ขอเอาใจช่วยความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาลให้เดินตลอดรอดฝั่ง มีอะไรคุยกัน เชื่อมั่นในเสถียรภาพรัฐบาล ถ้าพรรคร่วมไม่มีเอกภาพผลักดันงานลำบาก จุดที่เป็นห่วงและเอาใจช่วยรัฐบาลคือการผลิตผลงาน โดยเฉพาะช่วงปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าต้องทำให้เศรษฐกิจเติบโต ส่วนความท้าทายทางการเมืองมีประเด็นยื่นยุบพรรคเพื่อไทย คาดเอ็มโอยู 44 น่าจะเบาลง ไฟไม่น่าจะลามทุ่ง อาจลามข้างเตานิดหน่อย เพราะรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจ ส่วนประเด็นอื่นไม่น่ากังวล ทั้งการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องรอกฎหมายประชามติ ส่วนนิรโทษกรรมจุดยืนพรรคร่วมและพรรคเพื่อไทยไม่รวมคดีมาตรา 110 และมาตรา 112 คาดว่าเปิดสมัยประชุมรัฐสภาหน้า ตั้งแต่ 12 ธ.ค. พรรคเพื่อไทยน่าจะยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้ เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่นำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่
“จิรายุ” โต้เสริมทหารบนเกาะกูด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า มีการปล่อยข่าวลือทำลายประเทศเรื่องเกาะกูด มีข่าวเฟกนิวส์ว่านักท่องเที่ยวเริ่มไม่มั่นใจไปเที่ยวและยกเลิกไปนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง ที่สำคัญข่าวเกาะกูดดังไปทั่วโลกกลับส่งผลให้นักท่องเที่ยวอยากมาท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่มีการเสริมกำลังทหารไทยบนพื้นที่เกาะกูด ไม่มีทหารกัมพูชาหรือการเคลื่อนไหวใดๆ เข้ามาในพื้นที่ ไม่มีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวอพยพออกจากเกาะกูด มีแต่เข้าคิวรอไปเที่ยวมากขึ้น ขออย่าหลงเชื่อเฟกนิวส์ว่ามีการเปิดฉากสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยืนยันว่าไม่มีนักท่องเที่ยวยกเลิกการจอง ยังเต็มแน่นตามปกติ โรงแรมรีสอร์ตสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รายงานว่าเต็ม และยังมีนักท่องเที่ยว Waiting List หรือรอจอง อยู่เป็นจำนวนมาก ทุกหาดเป็นไปด้วยความคึกคัก
พท.ฟุ้งคนอุดรตั้งตารอ “นายใหญ่”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หาเสียงว่า นายทักษิณไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ประชาชนคนไทยไม่เคยลืมผลงานและนโยบายที่ได้สร้างไว้ อุดรธานีเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงภาคอีสานเช่นไร วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น ประชาชนที่ได้รับประโยชน์ไม่เคยลืมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุน หมู่บ้าน เอสเอ็มแอล โอทอป ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีจะได้มาพบมาให้กำลังใจกัน พี่น้องชาวอุดรธานี นับถอยหลังให้ถึงวันที่ 13-14 พ.ย. คาดว่าจะมารอรับกันเป็นแสนคน พรรคเพื่อไทยขอโฟกัสกับนโยบายและสิ่งที่จะพัฒนาร่วมกับพี่น้องชาวอุดรธานี เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยทุกพื้นที่จึงเป็นเวทีที่สร้างสรรค์
“เต้น” ลั่นเดินหน้าปราศรัยไม่หวั่น
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พอมีข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมขึ้นเวทีปราศรัยที่อุดรธานี บางฝ่ายเริ่มปั่นกระแสว่าเป็นการครอบงำนำไปสู่การยุบพรรค เชื่อว่าจะมีนักร้องไปยื่นเรื่อง แต่มั่นใจว่ากำหนดการปราศรัยยังคงเดินหน้าตามเดิม เพราะเป็นสิทธิโดยชอบ ส่วนจะส่งผลสะเทือนทางการเมืองเพียงใดขึ้นอยู่กับประชาชน ทั้งนี้ เหตุผลเดียวที่ใส่ข้อหาครอบงำพรรคเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคไว้ในรัฐธรรมนูญ 60 คือกลัวยี่ห้อทักษิณที่เคยทำแลนด์สไลด์ไว้ เป้าหมายเพื่อเอาเปรียบในสนามเลือกตั้ง เพิ่มโอกาสให้ฝ่ายผู้ร่างกฎหมายชนะ ประชาชนต้องตั้งหลักกันดีๆ กฎหมายแบบนี้ขาดความชอบธรรมตั้งแต่เจตนารมณ์ ที่ผ่านมาตัดสินปลดนายกฯ 3 คน ยุบพรรค 2 หน เราก็ยอมตามนั้น ไม่ได้บอกให้คนไม่เคารพกฎหมาย แต่กำลังบอกว่าบางกฎหมายไม่เคารพประชาชน
“เด็จพี่” จัดหนักพวกแพ้แล้วพาล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องไร้สาระที่มีผู้เตรียมร้องเอาผิดนายทักษิณที่จะไปขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง เป็นพวกขี้อิจฉาหวังใช้เป็นเกมการเมืองดิสเครดิตนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยอย่างไร้เหตุผล นายทักษิณไม่ได้เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงยังเป็นผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ในการลงคะแนนเลือกตั้งทุกระดับ หากผู้สมัครแจ้งชื่อนายทักษิณเป็น “ผู้ช่วยหาเสียง” สามารถทำได้ตามกฎหมาย พวกแพ้แล้วพาลควรหยุดพฤติกรรมเตะตัดขาผู้อื่นได้แล้ว การเมืองต้องมาแข่งกันที่นโยบายที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและประเทศชาติ มั่นใจว่าหากนายทักษิณไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง จะช่วยสร้างสีสันและเป็นประโยชน์กับชาวอุดร ด้วยประสบการณ์ของท่านที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายนโยบาย และนานาชาติให้ความเชื่อถือ
ยกทีมชุดใหญ่ช่วย “ศราวุธ” หาเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า คณะผู้ติดตามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี หาเสียงช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ในวันที่ 13-14 พ.ย. อาทิ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายก่อแก้ว พิกุลทอง น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ อดีตแกนนํา นปช. นายวิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ.อุดรธานี ร่วมลงพื้นที่ด้วย
“วิโรจน์” เตือน “ทักษิณ” อย่าลำพอง
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตอบติดตลกเรื่องเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปกินมาม่าที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า ขอย้ำในหลักการว่าไม่เห็นด้วยกับพวกหยุมหยิมจ้องหาช่องร้องยุบพรรคการเมืองที่มาจากเสียงประชาชนเลือกมา ไม่เห็นด้วยกับการใช้นิติสงครามจัดการกับนายทักษิณ แต่นายทักษิณควรตอบชี้แจงแบบให้เกียรติประชาชนกว่านี้ คนมีประสบการณ์มีนักการเมืองเข้าไปขอคำปรึกษาได้อยู่แล้ว ไม่น่าใช่การครอบงำพรรค แต่พอบอกว่าเข้าไปกินมาม่า เหมือนกำลังท้าทายเสียงวิจารณ์ประชาชน ยอมรับในทีว่าฉันครอบงำพรรคแล้วทำไม จุดอ่อนของระบอบประเทศไทยคือคนมีเส้นมีสาย มีเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ หรือมีมือที่มองไม่เห็นคอยเชิด มีตัวละครที่อยู่หลังม่าน มีใบสั่ง มีระบบตั๋ว “รอบนี้นายทักษิณเหมือนกำลังส่งสัญญาณว่า ฉันมีตั๋ว ฉันมีมือที่มองไม่เห็นที่คอยปรบมือให้ฉันอยู่ เขายังเชิดฉันอยู่ ฉันไม่ต้องกลัวอะไร เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันมีแบ็กดี ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร ก็เลยตอบท้าทายไปว่ากินมาม่า”
ตอกทำลายภาวะผู้นำของลูกสาว
เมื่อถามว่าคำพูดนายทักษิณสะท้อนอะไรถึงตัวลูกสาว นายวิโรจน์ตอบว่า ที่ผ่านมามักถูกด่าด้วยซ้ำเรื่องคอมเมนต์การเมืองเข้าข้าง น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพราะไม่อยากไปด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการทำหน้าที่นายกฯ แต่ในกรณีคำพูดนายทักษิณนี้ เป็นการทำลายภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธารเสียเอง ถ้านายทักษิณวางตัวในฐานะผู้มีประสบการณ์คนหนึ่ง แนะนำพรรคร่วมในฐานะผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว แล้วตบท้ายว่าสุดท้ายควรไปพบกับนายกฯมากกว่า แบบนี้เหมาะสมกว่า ให้เกียรติประชาชนและให้เกียรตินายกฯ แต่ครั้งนี้นายทักษิณตอบเหมือนฉันไม่แคร์ ท้าทาย “มาตอบว่าไปกินมาม่าใครเขาจะเชื่อ แต่จงใจท้าทายว่าก็ฉันคือนายกฯตัวจริง ทำไมฉันครอบงำแล้วใครจะทำไม เพราะมือที่มองไม่เห็นเลือกฉัน ไม่เห็นสายเชือกหรือ ไม่เห็นเชือกที่ข้อมือฉันหรือ ไม่เห็นมือที่ชักใยฉันอยู่หรือ ถ้ามีปัญหาก็ไปคุยกับคนที่ชักใยฉันสิ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก คุณทักษิณก็เลยตอบแบบกวนๆไปว่ากินมาม่า แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ภาวะผู้นำของนายกฯจะสร้างได้สำเร็จ”
ผบ.ตร.ไม่แทรก รพ.ตำรวจปมชั้น 14
ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำเรื่องขอเวชระเบียนการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะที่รับโทษจาก รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ไปถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับว่า รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วว่ามีหน่วยงานติดต่อขอข้อมูลการรักษาตัวของนายทักษิณ จาก รพ.ตำรวจ แม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่ไปแทรกแซงการทำงาน อำนาจสิทธิขาดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของ รพ.ตำรวจ ต้องพิจารณาคำร้องขอว่าสามารถให้ได้หรือไม่ ยืนยันว่าประเด็นนี้ รพ.ตำรวจไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจาก ผบ.ตร. ส่วนเรื่องดังกล่าวจะมีนัยอะไรหรือไม่ ไม่ทราบ แต่กำชับให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
“นิกร” แนะ พท.ถอยก่อนเจอทางตัน
อีกเรื่องนายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ รัฐสภา กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขหลักเกณฑ์ผ่านประชามติรัฐธรรมนูญว่า หลังจากเสนอแนวทางใช้เกณฑ์ผ่านประชามติรัฐธรรมนูญด้วยเสียงข้างมากชั้นครึ่ง คือมีผู้ใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีเสียงเห็นชอบโดยใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง แทนการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น เพื่อประนีประนอมหลักการที่ กมธ.ฝั่ง สส.และฝั่ง สว.เห็นต่างกันนั้น เชื่อว่าจะมี กมธ.จากสัดส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทยสนับสนุน พรรคเพื่อไทยควรประเมินให้ดีหากจะแตกหักในชั้น กมธ.ร่วมกับ สว. ตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยอยากใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวตามเดิม อาจไม่ได้รับความร่วมมือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตามขั้นตอนต้องได้เสียง สว.รับหลักการวาระแรก 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง เสียง สว.สำคัญต่อการแก้รัฐธรรมนูญ หากไม่มีหนทางประนีประนอม รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอาจไม่มีทางเกิดขึ้น
“สรวงศ์” ขอให้มี ส.ส.ร.ใน รบ.ชุดนี้
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายนิกร จำนง ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ถอยครึ่งก้าว เสี่ยงจะไม่ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนว่า มีรายงานว่ามีการพูดคุยและยอมถอยกันคนละก้าว หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จไม่ทันก็อยากให้มีกระบวนการต่างๆ เช่น การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ นายสรวงศ์ตอบว่า ตามจุดประสงค์เราอยากให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จทันในรัฐบาลชุดนี้ แต่หากไม่ทันอย่างไรก็อยากให้มี ส.ส.ร.เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ ยืนยันว่าจะพยายามเดินหน้าเต็มที่ เมื่อถามว่าหากต้องถอยคนละก้าว พรรค พท.ยอมได้ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า เป็นเรื่องที่เราอยากให้เป็น แต่ในเมื่อมีการพูดคุยกันแล้วว่าแต่ละฝ่ายมีเหตุผลอะไรบ้าง เราก็ต้องรับฟัง
คดีตากใบกดเรตติ้ง พท.วูบ
วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ปัตตานี และยะลา จำนวน 1,067 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “พรรคการเมืองใดเดือดร้อนจากกรณีตากใบ” ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย. พบว่าพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบในทางลบจากกรณีคดีตากใบที่หมดอายุความ มากสุดร้อยละ 55.20 คือพรรคเพื่อไทย ส่วนผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากที่สุดร้อยละ 39.55 ระบุว่าไม่ส่งผลเลย ร้อยละ 25.21 ระบุว่าส่งผลมาก เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสนับสนุนในวันนี้ ร้อยละ 50.14 ระบุว่ายังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ รองลงมาร้อยละ 18.85 พรรคประชาชน ร้อยละ 13.68 พรรคประชาชาติ ร้อยละ 5.44 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 4.69 พรรคเพื่อไทย
ถอดบทเรียนเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
ขณะที่สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,118 คน เรื่อง “บทเรียนที่คนไทยได้จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024” ระหว่างวันที่ 6-8 พ.ย. พบว่าร้อยละ 53.13 รู้สึกเฉยๆที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง มีร้อยละ 62.82 มองว่าการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ จะส่งผลต่อไทยในด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯกับไทย ร้อยละ 59.17 เห็นว่าบทเรียนที่ได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมทาง การเมือง รองลงมาได้เห็นบทบาทและอิทธิพลของสื่อ ในการเลือกตั้ง และได้รับรู้ถึงความสำคัญของนโยบายต่างประเทศที่มีต่อโลก
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่