ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ กว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา จะเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ก็ต้องรอถึงวันที่ 20 ม.ค.68 ซึ่งจะมีพิธีสาบานตนก่อนทำหน้าที่ จึงยังมีเวลาอีกพอสมควรที่จะเตรียมการเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แม้จะเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่

แต่ก็จะเขย่าโลกอีกครั้งด้วยแนวทาง “อเมริกันมาก่อน”

แน่นอนคือ “สงครามการค้า” ที่สหรัฐฯ พุ่งเป้าที่จีนลูกพี่ใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามที่ "ทรัมป์" คิดว่าถ้าจะชนะได้ต้องจัดการจีนก่อน

รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือเป็นโดมิโนที่จะไล่ตามกันมา

ทำให้เศรษฐกิจจีนพินาศจึงจะสยบได้...

อีกด้านหนึ่งก็คือการยุติสงครามในยูเครนและตะวันออก เพราะเป็นการเปิดศึกหลายด้านเกินไป แต่จะมุ่งไปที่การปิดล้อมจีน

คือ “อินโด–แปซิฟิก” เพียงจุดเดียว!

ด้านเศรษฐกิจที่ไทยจะได้รับผลกระทบคงไม่มากนัก เพราะมีทั้งได้และเสีย แต่ด้านความมั่นคงจะได้รับผลกระทบจากแรงเสียดทานแน่

ด้วยพื้นที่ประเทศอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียนด้วยทำเลทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างนี้สหรัฐฯจะต้องกดดันให้ไทยแบกรับปฏิบัติการปิดล้อมจีนอย่างแน่นอน

อย่างเช่นใช้พื้นที่เพื่อตั้งฐานทัพหรืออะไรที่เป็นประโยชน์ด้านการทหาร

เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องทำการบ้านล่วงหน้าแม้ไทย–สหรัฐฯจะมีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานก็ตาม

เพื่อพิสูจน์ว่าไทยจะยืนอยู่จุดไหนข้างไหน?

ประเทศในกลุ่มอาเซียนนั้นหลายประเทศมีความชัดเจนที่อยู่ตรงข้ามกับสหรัฐฯ อีกหลายประเทศเป็นกลางเช่นไทย

อีกหลายประเทศอยู่ข้างสหรัฐฯเต็มตัว

สหรัฐฯก็ต้องการให้ไทยอยู่ข้างเดียวกับเขาเช่นกัน

...

เรื่องละเอียดอ่อนและแหลมคมอย่างนี้ไทยต้องเอาตัวรอดให้ได้

มาว่ากันถึงการเมืองเรื่องไทยๆดีกว่า หลังจากเก็บเนื้อซ่อนตัวอำพรางมาระยะหนึ่งก็เริ่มที่จะต้องออกโรงอีกแล้ว

“ทักษิณ ชินวัตร” แห่งจันทร์ส่องหล้า!

ประกาศอย่างเป็นทางการอึกทึกครึกโครมว่าจะเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อสนับสนุนช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ. ของ “เพื่อไทย” 1–14 พ.ย.67 ซึ่งจะหย่อนบัตรวันที่ 24 พ.ย.67

“ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครจาก “เพื่อไทย”

“คณิศร ขุริรัง” ผู้สมัครพรรค “ประชาชน”

“อุดรธานี” คือเมืองหลวงแดนอีสานของคนเสื้อแดง ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่จะต้องชนะลูกเดียว “ทักษิณ” จึงต้องโชว์พลังและบารมีอย่างเต็มที่

กำหนดการระบุว่าจะมีการปราศรัยใหญ่ 2 วัน 3 จุด

พรรคประชาชนก็หวังชนะเช่นกัน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลงพื้นที่ตลอดและได้เรียก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ให้กลับจากต่างประเทศเพื่อช่วยหาเสียง

พูดง่ายๆว่าเป็นศึก “ชนช้าง” ระหว่าง “ส้ม” กับ “แดง”

ถือว่าเป็นการวัดพลังก็ว่าได้!

แต่สำหรับ “ทักษิณ” นั้นมีความหมายมากกว่า เพราะนอกจากต้องชนะแล้วยังข่มขวัญคู่แข่งไม่ว่าประชาชนแล้วยังพ่วงไปถึง “ภูมิใจไทย” ด้วย

อีกทั้งกินความไปถึงกลุ่มอำนาจเก่าและองค์กรอิสระต่างๆ

เพื่อจะบอกว่า...

เขายังมีอำนาจ–บารมีมากอยู่ จะกาชื่อ “ทักษิณ” ออกจากบัญชีง่ายๆไม่ได้

การที่จะเล่นงานเขาด้วย “นิติสงคราม” นั้นคือได้ แต่อย่าทำเด็ดขาด

แต่นั่นต้องหมายความว่าจะต้องชนะเลือกตั้งอย่างเดียว

หากแพ้ก็ชัดเจนว่า “หมดน้ำยา” แล้ว!


"ลิขิต จงสกุล"

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม