ไม่ใช่ “ฮวงจุ้ย–ฮวงซุ้ย” ที่ซินแสเจ้าเล่ห์หลอกต้ม “อาม่า” ง่ายๆ
อาถรรพณ์ “วังบางขุนพรหม” ตำนานเล่าขานแต่โบราณกาล ปรากฏการณ์เฮี้ยนเห็นๆแบบที่ก่อนหน้านี้เด็กแก่นเขวี้ยงก้อนหินใส่ โดนแรงสะท้อนกลับหัวปูดหัวโน แต่ไม่เข็ด ยังพยายามหามแห่ผู้เฒ่าลายครามเข้าไปยุ่มย่าม ท้าทายพลังลึกลับ
แล้วก็หงายท้อง กลิ้งโค่โล่ จุกเสียดไปตามๆกัน
ล่าสุดนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ต้องใส่เกียร์ถอยกะทันหัน ล้มแผน เลิกดัน “เสี่ยโต้ง” นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตขุนคลัง ยี่ห้อเพื่อไทย เข้ายึดแท่นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
จำเป็นต้องเปลี่ยนโพยใหม่ อาศัยชื่อของนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ลูกหม้อคนดังของกระทรวงคลัง
“เชื้อสายคนในรั้ววัง” เพื่อผ่านด่านอาถรรพณ์ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์”
ไม่เสี่ยงดับเครื่องชนกำแพง ปะทะแรงต้าน “การเมืองแทรกแซงแบงก์ชาติ” โดยเฉพาะต้องขีดเส้นใต้ตรง “คนของพรรคเพื่อไทย” เน้นตัวดำชัดๆ จำกัดวงต้องห้ามนอมินี “เถ้าแก่ใหญ่”
ตามความสำคัญของประธานบอร์ด ธปท. ไม่ใช่แค่ตำแหน่งลอยๆกินกาแฟ โอเลี้ยง รับเบี้ยประชุมตอบแทนเล็กน้อย อย่างที่ทีมโทรโข่งเพื่อไทยพยายามแก้เกี้ยว แต่มันเกี่ยวโยงข้ามช็อตไปถึงการ “จิ้ม” ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ มีส่วนสำคัญในการเลือกคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และหมายรวมไปถึงอำนาจในการเล่นแร่แปรธาตุ “กองทุนสำรองระหว่างประเทศ”
เข้าโซนล่อแหลม เงินก้นถุงก้อนสุดท้ายของเมืองไทย หลักประกันขั้นสูงสุด โอกาสบริหารความเสี่ยงขุมทรัพย์ปู่โสมฯ หากผิดพลาดก็ถึงขั้นประเทศเจ๊ง ล้มละลายด่านสุดท้ายไม่ให้ฝ่ายการเมือง อัด “โคตรประชานิยม” ใช้เงินหลวงซื้อเสียง ตีกินคะแนนนิยมกันแบบมันมือ
...
นี่คือ “เดิมพัน” ที่กระตุกแรงต้าน ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” เกิดอาการแหยง ลุยฝ่าด่านอาถรรพณ์วังบางขุนพรหมได้ไม่สุดซอย ต้องสั่งไอ้เสือถอยกันไม่เป็นกระบวน
ในจังหวะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชินฯ ต้องแบกแรงเสียดทานที่แฝงอยู่ใน “สายเลือด” ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร”
โดนประทับตราความหวาดระแวง ข้อหาสุ่มเสี่ยงสมบัติชาติ
ตามสถานการณ์ที่ซีเรียสขึ้นตามลำดับ กับเสียงโห่ฮา “กองกำลังผสมสลิ่ม” แปรรูปขบวนการชาตินิยม ตีฆ้องร้องป่าวประจาน “รัฐบาลแพทองธาร”
เสี่ยงเสียดินแดน “เกาะกูด” ให้ประเทศกัมพูชา
เบรกสกัดกันตั้งแต่ผู้นำหญิงยังไม่ทันเริ่มใส่เกียร์เดินหน้า เมกะโปรเจกต์ ขุดโคตรขุมทรัพย์ก๊าซธรรมชาติ โครงการร่วมกันบริหารจัดการแหล่งพลังงานมหาศาลในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย
ณ จุดที่เข้าใกล้ความจริงที่สุดกับโอกาสที่คนไทยจะได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูก ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ในจังหวะสถานการณ์เอื้อต่อการเจรจา ตามระดับความสัมพันธ์ส่วนตัวของ “ตระกูลชินฯ” กับ “ตระกูลฮุน”
นักลงทุนลุ้นกันตัวโก่ง ชาวบ้านส่งเสียงเฮรอล่วงหน้า
กับสถานการณ์บังคับ ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเหลือใช้อีกไม่เกิน 10 ปี หากไม่มีก๊าซพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกัมพูชา ประเทศไทยต้องเสียเงินมหาศาลนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
นี่คือไฟต์บังคับ ที่ “นายกฯแพทองธาร” ฝืนทำใจดีสู้ ประกาศต้องเดินหน้า ลุยฝ่าข้อครหาทำเสี่ยงเสียดินแดนเกาะกูด เพื่อพิสูจน์การบริหารโจทย์ยากทางเศรษฐกิจโยงเดิมพันพลังงาน
โดยที่ไม่อาจกลบแผลเก่า “Conflict of Interests” ผลประโยชน์ทับซ้อน
ปมด้อยที่ลบไม่ออก ดีเอ็นเอฝังลึกเฉพาะทีม “นายใหญ่” เปรียบเทียบชัดๆกับกรณีของค่ายประชาชน ทีมเด็กรุ่นใหม่ ที่โดนกองกำลังผสมสลิ่ม ฉวยมุกเก่ง ประจานทีมเด็กสีส้ม เป็น “พรรคประชาชนบีอาร์เอ็น” อิงกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้ “พรรคประชาชนพม่า” ถือหางผู้อพยพเพื่อนบ้าน
ประทับภาพ “ขายชาติ–ไม่รักชาติ” ผลักขั้วตรงข้ามอุดมการณ์เป็นภัยที่ต้องกำจัด
แต่จุดไฟลามคลอกเด็กไม่ติด เพราะภาพของทีมส้มไร้วาระแฝงเชิงธุรกิจ ไม่มี “Conflict of Interests”
มุกเก่าแบบสลิ่มๆ จึงแป๊ก สังคมไม่ระแวงตามเหมือนเพื่อไทย.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม