“นายกฯ แพทองธาร” ขอขยายเวลายื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช. เหตุเตรียมไม่ทัน บอก ตั้งคณะกรรมการ JTC ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ไม่ติด “ไอติม” ขอพบ บอกถ้าเร่งมากผลลัพธ์ไม่ได้ แจงพา “น้องธิธาร” มารู้จักที่ทำงานแม่

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณียื่นหนังสือขอขยายเวลาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกไป 30 วัน ว่า ยังเตรียมไม่ทัน งานทุกอย่างเข้ามารุมเร้ามาก การแจงบัญชีทรัพย์สินอย่างไรต้องแจงอยู่แล้ว การขอขยายเวลาเพื่อให้ละเอียดขึ้น ครบถ้วนขึ้น ทางครอบครัวก็ช่วยด้วย

เมื่อถามว่าหุ้นที่เคยถือไว้ 16 บริษัท ได้จัดการขายหรือโอนหุ้นไปแล้วหรือยัง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่ามีการจัดการทุกอย่าง เราต้องเอาเรื่องข้อกฎหมายมาดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ทางครอบครัว ทั้ง น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว และ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ช่วยดูกับทีมกฎหมาย ส่วนคำถามเรื่องหุ้นในบริษัท บริษัทอัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และบริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่โอนให้พี่สาวกับแม่ ข้อเท็จจริงเป็นการโอนหรือขายหุ้น น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ขอให้รายละเอียดภายหลัง

...

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้ให้สัมภาษณ์กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) เพื่อพูดคุยกับทางกัมพูชา เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนแล้วหรือยัง ว่า วันนี้ยังไม่มีเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม. คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเกิน 2 สัปดาห์ คงเข้าที่ ครม. เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันจะต้องเจรจากับกัมพูชา น.ส.แพทองธาร ระบุว่า MOU 2544 ที่พูดไปเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อเจรจา เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ทุกรัฐบาลมีมาแล้ว รัฐบาลนี้ยังตั้งไม่เสร็จ เมื่อตั้งเสร็จแล้วเวลามีคำถามหรือหากต้องสื่อสารของประชาชนแต่ละประเทศ คณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้กรองข้อมูลในการสื่อสารก่อน เราต้องตั้งแน่นอน ไม่ได้จะลุยหรืออะไร แต่เราต้องตั้งไว้เพื่อให้เกิดการเจรจากัน

ทางด้านคำถามว่าหัวหน้าคณะกรรมการ JTC จะเป็นใคร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอบอกทีเดียว เมื่อถามย้ำถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่าจะเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม น.ส.แพทองธาร ระบุว่า “เดี๋ยวดูอีกที”

นอกจากนี้ กรณีที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) จะขอเข้าหารือเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ได้รับฟังอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรก็ต้องคณะมาคุยกันหรือคุยกันเป็นทางการเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อถามอีกว่า นายพริษฐ์ ได้ส่งหนังสือขอเข้าพบมาแล้วหรือยัง น.ส.แพทองธาร บอกว่า “ไม่มีนะคะ ได้ยินจากทางสื่อเป็นครั้งแรก” ถ้าติดต่อมาจะให้เจอตัวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ได้ค่ะ ไม่ติดอยู่แล้ว”

ในประเด็นที่ นายพริษฐ์ กังวลว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่เสร็จทันสมัยนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องทำในส่วนที่เราทำได้และถูกต้อง ถ้าระยะยาวไปจะมีปัญหาภายหลัง การมาอยู่ตรงนี้ทำให้ทราบเรื่องของปัญหาต่างๆ ถ้าเรารีบในขั้นตอนเกินไป นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์แล้ว ระหว่างทางจะถูกฟ้องกันด้วย อันนี้ต้องช่วยกันดู

เมื่อถามต่อไปว่าแนวทางของรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐบาลสมัยนี้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ให้คำตอบว่า เราต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบ แล้วต้องคุยกันว่าไทม์ไลน์เป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ ก็ต้องมาพูดคุยกัน โดยเก็บหมวด 1 หมวด 2 ไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคร่วมมือกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรี มองว่าอะไรเป็นอุปสรรคมากที่สุดในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ถามเช่นนี้มันก็จะเปิดการโต้แย้งไปนิดนึง แต่เราก็ทราบอยู่แล้วว่าเราต้องพยายามให้เอื้อต่อประชาธิปไตยและพี่น้องประชาชนมากที่สุด ขอตอบกว้างๆ แบบนี้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่สามี และน้องธิธาร สุขสวัสดิ์ บุตรสาว มารับที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ว่า วันนี้คงไม่มารับ เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ลูกสาวมาที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ดี เพราะลูกเขาก็งงว่าแต่เดิมแม่มาทำงานที่ตึกชินวัตร 3 ก็บอกว่าคุณแม่ย้ายที่ทำงาน เขาก็ถามว่าที่ไหน ก็บอกว่าที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร นึกไม่ออกว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำอยู่ น้องบอกว่าอยากมาที่ทำงานของคุณแม่ จึงบอกว่าได้ เดี๋ยวให้มารับที่ทำงานเขาก็เลยมา ลูกก็สนุกสนานชี้ไปตรงปืนใหญ่ว่าอะไร ใช้อย่างไร ตนก็เดินไปดูด้วยเหมือนกัน เขาก็ชอบ สนุกมาก เขาก็บอกว่าอยากให้ น้องธาษิณ (เด็กชายพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์) มาวิ่งด้วย

เมื่อถามว่า น้องธาษิณ จะมาทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า อยากให้มาเห็นว่าเวลาแม่ไม่ได้อยู่กับเขาแล้วแม่อยู่ที่ไหน เขาจะได้นึกภาพออกว่าเวลาไม่อยู่บ้าน อยู่ทำเนียบรัฐบาลคือแบบนี้ ส่วนคำถามถึงกรณีมีหลายคนอิจฉาว่ามาทำงานแล้วตอนเย็นมีสามีกับลูกมารับนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อิจฉาที่ลูกหรือสามีมารับ ตอนนี้กำลังปรับจูนในครอบครัว เพราะงานนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แค่เช้าแล้วเย็นเลิก พยายามบริหารเวลากันอยู่ว่าอย่างไรได้บ้าง ซึ่งสามีก็ช่วยได้เยอะ.