“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ยืนยัน “เกาะกูด” เป็นของไทยแน่นอน ไม่ว่าจะเจรจาหรือไม่ก็ตาม ยังไม่ทราบ “พีระพันธุ์” จะนั่ง คกก.เจรจาหรือไม่ แต่มั่นใจว่าจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ชี้เป็นนักกฎหมาย จะไม่ทำให้ไทยเสียผลประโยชน์แน่นอน จ่อชง ครม. 1-2 สัปดาห์นี้ ลดเผาอ้อยในฤดูแล้ง เตรียมลุยบังคับใช้กฎหมายควบคุมสินค้าไม่ได้มาตรฐาน แอบอ้าง มอก.
วันที่ 5 พ.ย. 2567 ทำเนียบ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในข้อพิพาทพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (OCA) ว่า เราจะรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่สุด ต้องไม่นำอธิปไตยของประเทศเจรจาทุกรูปแบบ ส่วนที่คนกังวลเรื่องเกาะกูด ตนขอยืนยันว่าเป็นของไทยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเจรจาหรือไม่ก็ตาม
ส่วนพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน จะต้องเป็นกรรมการทางเทคนิคด้วยหรือไม่นั้น นายเอกนัฏ ยังไม่ทราบว่าการเจรจาทางเทคนิคต้องมีใครบ้าง
นายเอกนัฏ ยังเปิดเผยว่า ตนรายงานข้อมูลจากกระทรวง กต. คำแถลงของนายกรัฐมนตรี ให้นายพีระพันธุ์ทราบแล้ว รวมทั้งมีการพูดคุยถึงการให้ความสำคัญของนายพีระพันธุ์ ในเรื่องเขตแดน ซึ่งหัวหน้าเองก็เป็นนักกฎหมาย คงจะมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งนายพีระพันธุ์ ได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบอย่างชัดเจน เพราะผลประโยชน์ทางทะเล ใครต่างก็อยากได้ ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียดการเจรจาว่าจะเป็นอย่างไร ตนก็ยังมั่นใจว่านายพีระพันธุ์ จะศึกษาข้อกฎหมายและทำให้เราอุ่นใจในเรื่องการเสียเขตแดน
เมื่อถามว่า นายพีระพันธุ์ มีความกังวล ไม่สบายใจอะไรหรือไม่ นายเอกนัฏ ระบุว่า ยังครับ ตามสไตล์ของหัวหน้าคงต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด ทุกตัวอักษร เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่ดำเนินการมา 20-30 ปี ซึ่งต้องทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ ไม่ให้ไทยเสียผลประโยชน์
...
เตรียมชง ครม. 1-2 สัปดาห์นี้ ลดเผาอ้อยในฤดูแล้ง
นอกจากนี้นายเอกนัฏ ยังเปิดเผยว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมาตรการช่วยเหลือ ส่งเสริม ลดการเผาอ้อย ซึ่งล่าสุดผ่านคณะกรรมการอ้อยน้ำตาลทรายแล้ว โดยภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลา 5-6 ปีมีการช่วยเหลือส่งเสริมให้ลดการเผาอ้อย หากเกษตรกรส่งอ้อยสดก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ 120 บาท มาตรการนี้ก่อนบังคับใช้จะมีการเผาอ้อยถึงร้อยละ 50 ถึง 70 หลังจากมาตรการออกมาก็ลดเรื่องการเผาอ้อยไปได้ในที่สุด ลดลงเหลือประมาณร้อยละ 30 แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้คือ มีพื้นที่เกษตรบางส่วนที่รถตัดไม่สามารถเข้าได้ ต้องใช้คนเข้าไปตัด เนื่องจากไม่ได้มีการเตรียมพร้อมพื้นที่ ดังนั้น พื้นที่ที่ใช้คนเข้าไปตัด วิธีง่ายสุดคือ การเผาใบก่อนแล้วค่อยเข้าไปตัด มีอยู่ประมาณร้อยละ 30 ที่ลดยากมาก ดังนั้น ในปีนี้ จึงจะเป็นครั้งแรกที่จะพยายามออกมาตรการช่วยเหลือส่งเสริมให้ตัดอ้อยสดต่อไป แต่จะมีการประกาศก่อนฤดูเปิดหีบในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. และประกาศในเดือน พ.ย.นี้ นายเอกนัฏ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในส่วนของอ้อยสด กระทรวงจะมีนวัตกรรมใหม่และมีการบังคับใช้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์คือ การช่วยเหลือส่งเสริมให้นำใบอ้อยแทนที่จะเผาให้ตัดใบไปรวบรวมส่งโรงงานและนำไปใช้ประโยชน์ผสมผลิตไฟฟ้าผลิตพลังงานได้ เท่าที่ได้พูดคุยกับโรงงานหลายโรงงานมีความพร้อมที่จะนำใบอ้อยไปผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้น จึงจะส่งเสริมทั้งฝั่งเกษตรกรและส่งเสริมผ่านโรงงานด้วย เกษตรกรไม่ต้องเผาสามารถตัดใบรวบรวมและนำส่งโรงงานได้ก็จะทำให้ทุกส่วนของอ้อยมีมูลค่าต่อไป จะได้ดูแลให้ดีไม่มีการลักลอบเผา เจ้าของไร่จะมีรายได้เพิ่ม
เข้มใช้กฎหมายควบคุมสินค้าไม่ได้มาตรฐาน แอบอ้าง มอก.
นายเอกนัฏ ยังเปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะบังคับใช้มาตรการควบคุมสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยขอความร่วมมือจากร้านโมเดิร์นเทรดหลายแห่ง ให้ช่วยตรวจสินค้าที่มี มอก. แต่ไม่มีคุณภาพจึงต้องมีการสุ่มตรวจ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงผู้ผลิตที่ลักลอบผลิตสินค้าที่มี มอก.แต่ไม่มีคุณภาพ ส่วนการแก้ปัญหากำจัดขยะจากอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งออกกฎหมายร่างพระราชบัญญัติกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่า 1-2 เดือนนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ในระหว่างนี้มีงาน 2 ส่วนที่ต้องทำคือ 1. ออกไปจัดการปัญหาของกากอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีจำนวนมาก โดยต้องเร่งของงบกลางเพื่อไปจัดการปัญหาเฉพาะหน้า และ 2. เร่งปราบปรามจับกุมกลุ่มโรงงานเถื่อนที่มีการเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปตรวจสอบที่จังหวัดปราจีนบุรีและตรวจสอบอีกครั้งก็ยังพบว่า ยังเปิดโรงงานอยู่ จึงต้องมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายไปก่อน และทุกสัปดาห์จะมีหน่วยปฏิบัติพิเศษลงตรวจ