“พล.อ.ประวิตร” ล่องใต้ พาลูกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมปลูกต้นไม้ที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ปัตตานี รักษาสิ่งแวดล้อม ก่อนเป็นประธานทอดกฐิน วัดช้างให้ สักการะหลวงปู่ทวด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 พ.ย. 2567 ที่จ.ปัตตานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางไปยังศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก เทศบาลตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ ส.ส.พังงา เขต 2 ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค นายสุธรรม จริตงาม กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 รวมถึง ส.ส.ของพรรค เช่น นายวิริยะ ทองผา ส.ส.มุกดาหาร เขต 1 นายคอซีย์ มามุ ส.ส.ปัตตานี เขต 2 นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรัง เขต 2 ร่วมด้วยองค์กรผู้นำท้องถิ่น

โดยมีประชาชนมาให้การต้อนรับและร่วมปลูกต้นไม้ บริเวณศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบภัยธรรมชาติใน จ.ปัตตานี เนื่องจากพื้นที่จังหวัดในภาคใต้ที่ติดทะเลมักจะเผชิญกับภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ศูนย์ดังกล่าวใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ภัยพิบัติที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ในโครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้ดำเนินการโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งสิ้น 12 ศูนย์ ในพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส จัดขึ้นเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้มีความเข้าใจในหลักการบริหารจัดการ และแนวทางการปฏิบัติภายในศูนย์พักพิงฯ เมื่อเกิดสาธารณภัยในพื้นที่ติดทะเลทางภาคใต้ ทำให้ประชาชนมีความพร้อมและสามารถปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุภาวะฉุกเฉินได้ ซึ่งภาครัฐสามารถเข้ามาบริหารจัดการช่วยเหลือ ดูแลเบื้องต้นได้อย่างทั่วถึง

...

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีในช่วงเทศกาลออกพรรษา ณ วัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้) ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อสืบทอดพุทธประเพณีและสืบต่อพระพุทธศาสนาให้เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้สักการะรูปหล่อหลวงพ่อทวด ณ วิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด พร้อมจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยและอาราธนาศีล 5 ร่วมกล่าวถวายผ้าพระกฐิน เครื่องบริวารกฐิน และเครื่องไทยธรรม แก่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป