การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ตื่นเต้นกันไปทั่วโลก ในขณะที่ญี่ปุ่นมีการประกาศยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ทั้งที่เพิ่งตั้งรัฐบาลกันมาได้ไม่ถึง 1 เดือน เนื่องจากคะแนนนิยมพรรครัฐบาลตกรูดมหาราชเพราะข่าวฉาวไปพัวพันกับการทุจริตเข้า กลับไม่ค่อยมีใครตื่นเต้นเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะการกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำ ที่ประกาศนโยบายชัดเจนว่า อเมริกาต้องมาเป็นอันดับหนึ่งก็ได้ผลโพลในการเลือกตั้งครั้งนี้สรุปว่า คะแนนระหว่าง ทรัมป์ กับ แฮร์ริส คู่แข่ง สูสีกันมาก แต่คนส่วนใหญ่แม้แต่คนไทยเองก็เชื่อว่าทรัมป์จะชนะ แล้วก็วิเคราะห์กันต่อเนื่องว่า ถ้าทรัมป์ชนะแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งหมดนี้อาจจะเกิดจากกระแสก็ได้ อาทิ มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ประกาศเปิดตัว บริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงแบบไม่อั้นขนาดนั้น พร้อมทั้งกระแสและกระสุน แต่อย่างว่าการเมืองเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

เข้าเรื่องก็คือ นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ทรัมป์มีโอกาสกลับมาสูง และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจ ในภูมิภาคเอเชีย แน่นอนเนื่องจาก แผนการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าทุกประเภท มีแนวโน้มที่จะขัดขวางการค้าโลก อัตราแลกเปลี่ยนในเอเชีย จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเฉพาะถ้ามีการประกาศเก็บภาษีการนำเข้าทุกรายการ เนื่องจากเกือบทุกประเทศเป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯ รวมทั้งไทยด้วย

ผลกระทบจะเป็นลูกโซ่ การอ่อนค่าของค่าเงิน วิเคราะห์กันว่า สกุลเงินหยวนของจีน จะอ่อนค่าไปสู่ระดับ 7.20 จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.11 ต่อดอลลาร์ บ้านเรายิ่งหนัก เพราะอยู่ในตะกร้าเงินเดียวกัน เงินเยนก็หนัก จากนั้นก็จะลามไปถึงเรื่องเงินเฟ้อ ภาระหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นอีก ตลาดหุ้น ตลาดเงิน ไม่ต้องไปพูดถึงปั่นป่วนอยู่แล้ว

บ้านเราดีอกดีใจว่าการส่งออกสินค้าการเกษตร เป็นอันดับ 8 ของโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 แต่เมื่อเทียบกับการขาดดุลการค้าด้านอื่นๆ เราต้องทำการบ้านอีกเยอะ ในภาวะที่หนี้สาธารณะและหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้นทุกวัน เราตั้งความหวังไว้ที่ การท่องเที่ยว อย่างเดียว ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก เงินเฟ้อในไตรมาสที่สาม เราอยู่ที่ 0.60% ห่างไกลจากเงินเฟ้อเป้าหมายของ แบงก์ชาติ ที่ตั้งไว้ 1-3% ในปีนี้ ยังไม่พูดถึงเรื่องของกำลังซื้อในประเทศ การแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเองคงจะทราบผลสะท้อนที่กลับมาเป็นอย่างดีว่า แท้จริงแล้วได้ผลแค่ไหน

ผู้บริหารแบงก์กรุงเทพ กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตมือเศรษฐกิจของรัฐบาล มองว่าเราจะเจอกับหลุมระเบิด 3 เรื่อง 3 รส ผลจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำของสหรัฐฯ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีน และหนี้ครัวเรือนของไทย

...

เราไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการขนาดใหญ่ได้ เพราะอะไร เราขาดเม็ดเงินลงทุนหรือไม่ เราขาดเม็ดเงินการลงทุนเพราะเราขาดการเชื่อมั่นหรือไม่ เราขาดการเชื่อมั่นเพราะเราไม่มีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนหรือไม่ เราไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ขาดแรงจูงใจในการลงทุนเพราะเรามัวแต่ยุ่งเรื่องนิรโทษกรรมแก้รัฐธรรมนูญ

เพราะเรามองประเทศไทยเป็นสนามเด็กเล่นใช่ไหม.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th 

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม