ยิ่งสาวลึกก็ยิ่งบานมีตัวละครใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งทำคดีจึงต้องตามให้ทันและวางงานวางคนและข้อกฎหมายให้รัดกุม
ทางหนึ่งก็คืออย่าให้ประกันตัวในตอนนี้ เพราะผู้กระทำผิดระดับผู้ดำเนินการนั้นไม่ธรรมดา นอกจากจะคิดมุมโกงได้เฉียบคมแล้ว
ยังชาญฉลาดที่จะเล่นงานพวกที่ร่วมกระทำผิดแล้วเอาตัวรอดซ้ำเติมคดีโดยให้ทนายความที่อยู่นอกคุกทำงานแทน
นี่มิใช่เพียงแค่ต่อสู้เพื่อตัวเองเท่านั้นแต่ยังมีการตอบโต้ด้วย
พูดง่ายๆคือไม่ธรรมดาและไม่หวาดหวั่นใดๆทั้งสิ้น
มุมหนึ่งที่ควรพูดถึงคือในส่วนของนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง
กับคดีนี้คนหนึ่งคือ “สามารถ เจนชัยจิตรวณิช” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกแฉว่ามีคลิปเสียงรีดไถ “บอสพอล” เจ้าของ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป”
ปรากฏมีการเปิดโปงว่าเป็นเสียงจริงระหว่างการสนทนาของ 2 ฝ่าย
เรื่องจึงเดือดร้อนไปถึงพลังประชารัฐเพราะทำให้พรรคเสียหายจึงมีคำสั่งให้ปลดออกจากรองโฆษกพรรคและคาดโทษว่าจะขับออกจากพรรค
แต่เจ้าตัวดูเหมือนว่าไม่รอดแน่จึงยื่นใบลาออกตัดหน้าไปก่อน
เป็นอันว่าไม่เกี่ยวกับพลังประชารัฐแล้ว
พลังประชารัฐจึงเดินหน้าต่อออกมาแฉว่ามีนักการเมืองจาก “เพื่อไทย” เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยโดยระบุชื่อย่อเอาไว้หลายคน
ก็เป็นเรื่องที่จะต้องแกะรอยกันต่อไปว่าใครเป็นใครและมีพฤติกรรมดังข้อกล่าวหาหรือไม่
นี่เป็นส่วนของนักการเมืองที่ฉาวโฉ่!
“สามารถ” นั้นปูมประวัติที่ผ่านมาไม่ค่อยจะดีนัก มีเรื่องที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งไปเรียน ป.เอกไม่ได้เรียนจริงให้คนอื่นเรียนและสอบแทน
เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่งก็มีเรื่องไม่ดีไม่งามปรากฏ
...
ที่มาดังอีกครั้งก็คือการเข้าไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐและทั้งหนุนทั้งดันให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
ด้วยลีลาและท่าทีเช่นนี้ทำให้ “บิ๊กป้อม” ถูกใจเรียกว่า “ขึ้นหม้อ” ว่างั้นเถอะจนได้รับการผลักดันให้มีบทบาทภายในพรรคพร้อมกับ “วัน อยู่บำรุง” ที่เพิ่งเข้ามาสังกัดพรรคหลังจากลาออกจาก “เพื่อไทย”
“สามารถ” ทำท่าจะรุ่งเพราะกลายเป็น “ลูกรัก” พล.อ.ประวิตรที่กำลังวาดหวังว่ามีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ระหว่างรอยต่อรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” มาเป็นรัฐบาล
“แพทองธาร ชินวัตร” แต่ด้วยสภาพความเป็นจริงทางการเมืองที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
สุดท้ายก็เลยถูกเขี่ยออกจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน...
และยังมาเจอ “ลูกรัก” คนใหม่ทำแสบจนพรรคได้รับความเสียหายจนทำให้ “บิ๊กป้อม” อยู่ในภาวะที่ซวยซ้ำซาก
เพราะถูกเป่าหูและเยินยอจนเสียผู้เสียคนจนหลงเคลิ้มไปด้วย
แต่ที่ไหนได้ถูกต้มเปื่อยซ้ำอีกรอบ!
เจอ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ทำแสบมาหยกๆยังไม่ทันตั้งตัวกลับมาเจอ “สามารถ” ซ้ำเข้าไปอีก...นี่แหละนาคนเรา
จากคนที่เคยมีอำนาจบารมีใครๆก็ต้องมอบให้กลับกลายเป็น “คนแก่” ที่ต้องเจ็บปวดหัวใจจนหน้าตาหมองคล้ำด้วยรอยทุกข์เพราะความไม่รู้จักประเมินตัวเองสูงจนเกินเพดาน
วันนี้คงพอมีลูกพรรคที่เชื่อใจได้สักกี่คนเพราะที่ผ่านมาเจอแต่ประเภทหลอกเอาเงินพร้อมบารมีไปสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง
บางคนยัง “ขี้รด” ใส่อีก
ดูอนาคตของพลังประชารัฐที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายในอีก
ไม่นานนี้เพราะเชื่อว่าคงต้องแยกทางกันเดินไปกันคนละทาง
เพราะการมีชีวิตแต่ไม่มีลมหายใจนั้นมันไปไม่รอดแน่!
"สายล่อฟ้า
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม