ศึก “หนุมานถล่มกรุงดิ ไอคอน” เรตติ้งยังแรงไม่ตก แม้ฉากเร้าเลยจุดลุ้นชะตา ภายหลังบอสดารา บอสแม่ข่าย บอสตัวเป้ง ถูกลากตัวเข้าไปขังในเรือนจำ แต่สังคมไทยยังไม่ละสายตาจากยุทธการทลายแก๊งแชร์ลูกโซ่ จดจ่ออยู่กับวาระโกงแห่งชาติ ตามท้องเรื่อง “หักมุม” เข้าหาเหล่า “นักร้อง” บรรดา “ทนายหน้าหอ” ฉาบหน้าเล่นบทพ่อพระ แม่พระ จิตอาสา แท้จริงแล้วคือซาตาน

โดนขุดประจานธาตุแท้ แฝงเป็นตัวร้าย แก๊ง “โจรปล้นโจร”

ส่วนไอ้ที่จะพาดโยงไปล็อกคอ “เทวดา” ก็ทำท่าจะบ๊อง เพราะตัวการอุปโลกน์ “พยานลับ” แฉจ่ายต๋งอารักขาแก๊งโกงแชร์ลูกโซ่ให้นักการเมืองระดับชาติเป็นเงินคริปโตหลักหมื่นล้าน ปั้นข่าวให้สังคมมโนตามเป็นตุเป็นตะ แต่สุดท้ายยอมรับสารภาพกับตำรวจสอบสวนกลาง

อ้างกุเรื่องขึ้นมาลอยๆ แค่เหลี่ยมเขี้ยวแก๊งอาชญากรเบี่ยงเบนรูปคดี

อาศัยปะติดปะต่อจากที่ “จอมตบทรัพย์” หลงกล “บอสตัวเป้ง” แก๊งธุรกิจขายตรงสีเทา ล่อด้วยเครื่องเซ่นไหว้ ดักอัดคลิปสัมภเวสี เผยสันดานธาตุแท้ผีที่แฝงอยู่ในอาณัติ “รุกขเทวดาบ้านป่าฯ”

โดนลากคอแห่ประจาน ขึงพืดให้สังคมรุมประณามทั้งบ้านทั้งเมือง

แต่เอาจริงๆหลักฐานคาหนังคาเขา คลิปเสียงที่สามารถพิสูจน์ได้ทางเทคนิค น่าจะเอาผิดได้แค่ลูกกระเป๋งสัมภเวสีที่พลาดติดกับ ไล่จับได้แค่นักการเมืองกระจอกท้ายแถว

แนวโน้มน้ำหนักเบาหวิว โยงไม่ถึงเทวดาบ้านป่าฯอย่างที่กองแช่งลุ้นกัน

ในทางกฎหมายคดี “ดิ ไอคอน” เอี่ยวโยงการเมืองก็แค่เฉี่ยวๆ

แค่เบียดพื้นที่ข่าว กลบกระแสหนักๆของรัฐบาลชั่วขณะ จังหวะที่ทีมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กำลังเผชิญโจทย์สถานการณ์ยากๆอาการขยับตัวลำบาก

...

สภาพผู้นำคนสุดท้องตระกูลชินตกอยู่ในวง “หมากล้อม”

กัปตันมีอำนาจคุมพังงาเรือ แต่บริหารทิศทางไม่ได้ตาม “ธง” ไปสู่จุดหมาย

วงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล เป็นแค่ “อีเวนต์” พรางตา ไม่อาจกลบรอยแยกที่เชื่อมไม่ติด โฟกัสทิศทางข่าวมุ่งไปที่เมนูฮ่องเต้ ส่องอาหารมื้อหรู กินดีอยู่ดี อาการของผู้นำที่ออกตัวเลยว่า คุยกันเรื่องขำๆ เน้นตลกเฮฮา มากกว่าเนื้อหาสาระในการเจรจา เคลียร์ปัญหาการทำงานที่ไม่ไปในทางเดียวกัน

มันสะท้อนว่า “เพื่อนกิน” ไม่กล้าพูดความจริง “ขัดคอ” กัน

และนั่นก็นำมาซึ่งปรากฏการณ์ “ลักลั่น” ในการลงมติรับรองข้อสังเกตรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ

ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” เล่นตลก สับขาหลอกคนดู

อาการงงๆ แบบที่ สส.พรรคเพื่อไทย 115 คน ตบเท้า “โหวตคว่ำ” ข้อสังเกตคณะกรรมาธิการฯที่คนของเพื่อไทยเองนั่งแท่นประธาน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยก็มีมติเห็นชอบกับข้อสังเกตดังกล่าว

เอาล่อเอา เถิดกันจนป่วน ตามฉากเล่นงิ้วฟาดปากกันเอง

อารมณ์บู๊ตึงตัง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา โควตาพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ตะลุมบอนวัดเชิงเก๋าในสภา กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน คนพรรคเดียวกัน ถึงขั้นท้าแน่จริงให้ขึ้นมาคุมสภาให้ได้ก่อน

ดีกรีร้อนของทีมเถ้าแก่ใหญ่ ปะทุอุณหภูมิเดือดภายในพรรคที่อัดอั้น

โดนเกมอำนาจบีบไปไม่เป็น เก็บกดจนชักเริ่ม “เพี้ยน”

ตามรูปการณ์ที่ไม่ต้องระดับเซียนการเมืองก็มองทะลุ อาการของพรรคเพื่อไทยยังไงก็ไม่กล้าเสี่ยง “ลุยไฟ”ยุ่มย่ามโซนต้องห้าม “มาตรา 112”

ประสบการณ์สอนไม่ให้ท้าทาย “อำนาจที่มองไม่เห็น” ยิ่งในสถานการณ์ที่ทีมเถ้าแก่ใหญ่ถูกต้อนเข้าโซนอันตราย โดนลากมาอยู่ในพื้นที่ “เสี่ยงสูง” แนวรบสมรภูมินิติสงคราม รอบใหม่

ด้านหนึ่งก็อยู่ในวิถี “ปืนใหญ่” จังหวะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กดปุ่มเดินหน้าเขย่า “สารตั้งต้น” จาก “ผู้ร้องนิรนาม”

ตามการแถลงยืนยันโดย “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง การันตี “คำร้องมีมูล” พฤติการณ์พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เข้าเงี่ยงความผิด ปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน “ครอบงำ”

จากหลักฐานตำตา ภาพข่าวที่คนทั่วบ้านทั่วเมืองเห็นเหล่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล “มุดถ้ำ” จันทร์ส่องหล้า ช่วงเย็นหลังนาทีที่ศาลรัฐธรรมนูญลงดาบฟันนายเศรษฐา ทวีสิน หลุดเก้าอี้นายกฯ

คงไม่ได้เข้าไปนั่งแคะขนมครก นอกจากเจรจาล็อกขั้ว ตั้งผู้นำคนใหม่

จังหวะคาบลูกคาบดอก มัดผู้ครอบครอง-ผู้ครอบงำ มีลุ้นเสียวจุดน็อก “คลิปลับ” ที่ถูกอัดไปรายงานคนบ้านในป่าฯ

ขณะอีกด้านก็ตกอยู่ในวิถีมือซุ่มยิง สไนเปอร์ล็อกเป้า ตามกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด ขอทราบการดำเนินการ-การรวบรวมหลักฐาน ตามคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายคู่บารมี “พุทธะอิสระ” ขาใหญ่ม็อบ กปปส.

ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พฤติการณ์นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ผูกปม 6 ประเด็น เล่นงาน “ทักษิณ” พฤติการณ์ “ครอบงำ”

ไล่ตั้งแต่สถานะนักโทษวีไอพี ชั้น 14 การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา การเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลตั้งนายกฯแทนนายเศรษฐา การชี้นิ้วสั่งไล่พรรคพลังประชารัฐออกจากรัฐบาล ไปยันการนำวิสัยทัศน์อดีตนายกฯในตำนานไปเป็นนโยบายแถลงต่อสภา

ศาลรัฐธรรมนูญซ้าย กกต.ขวา แนวรบประชิดทีม “นายใหญ่”

ท้าทายทีมกฎหมายเพื่อไทย ที่อ่อนด้อยในสมรภูมิ “นิติสงคราม” ตามฟอร์มหมูไม่กล้าวิ่งชนปังตอ เลยต้องออกลูกมั่ว รำเถิดเทิงกลองยาว เดินหน้าหนึ่งก้าว ถอยหลังสองก้าว เด้งหน้า เด้งหลัง

หลอกล่อเสียงยุกองเชียร์ หลบเสียงโห่ของกองแช่งไปพลางๆ

ขนาดประเด็นรับรองข้อสังเกตการศึกษาแนวทางนิรโทษกรรมยังแหยง นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงงานช้าง ทั้งการหักด่านกฎหมายประชามติ กรุยเส้นทางไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล้างมรดก คสช. รื้อค่ายกล “ซือแป๋มีชัย”

ทีมเถ้าแก่ใหญ่ ไม่มีทางหักด่าน ก๊วนเซราะกราว พรรคภูมิใจไทย ค่ายรวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ก๊วนกบฏผู้กอง

“ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม” ที่แข่งกันเบ่งพลัง โชว์ความจงรักภักดี แย่งกันปกป้องโซนล่อแหลม ไม่ให้ยุ่มย่ามล้ำแดนมาตรา 112

ท่องคาถา ต้องเอาปากท้องของประชาชนมาก่อน

งานง่ายของพรรคร่วมรัฐบาล อารมณ์ชิลๆของขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องห่วงเดิมพันกระแสความนิยม แค่ขอแบ่งขนม ปันเมกะโปรเจกต์ เอี่ยวบ่อนกาสิโนเสรี แชร์เค้กระบบขนส่งทางราง สลับกันนัดดินเนอร์เพื่อนกินสบายๆ

ต่างกับพรรคเพื่อไทยที่ต้อง “แบกน้ำหนักหลังแอ่น”

ไม่ใช่แค่การฟื้นเครดิต กู้ศรัทธาคืนจากกองเชียร์ประชาธิปไตย แต่โจทย์ใหญ่ เดิมพันเป็นตายคือการบริหารเศรษฐกิจ ที่พรรคร่วมรัฐบาลอ้างปากท้องชาวบ้าน โดยที่ตัวเองจ้องแบ่งเค้กตาเป็นมัน

ณ จุดที่สัญญาณโลกฟื้นตัว ยักษ์ใหญ่ สหรัฐอเมริกา จีน กระเตื้อง เพื่อนบ้านอาเซียนจีดีพีพุ่งทั้งแถบ อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ประเทศไทยยังอยู่ในแนวดิ่ง

ตามระดับความมั่นใจในฟอร์มบริหารของรัฐบาลผสมที่ติดอยู่ในวงหมากล้อม “นิติสงคราม” ภายใต้บริบททางอำนาจการเมืองแบบไทยๆที่ไม่เอื้อต่อนักลงทุนนานาชาติขนเงินมาเสี่ยงทิ้งทะเล

สัญญาณลบมาเต็ม เพื่อไทยต้องลุ้นรอดแบบช็อตต่อช็อต.

“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม