“ชูศักดิ์ ศิรินิล” ระบุ รายงาน กมธ.นิรโทษกรรม แค่การศึกษา ไม่ใช่พิจารณาตรากฎหมาย ชี้ เป็นเอกสิทธิ์ “พรรคร่วมรัฐบาล” หากต้องโหวต แต่ “เพื่อไทย” ควรเห็นชอบ ด้าน “นพดล” ย้ำ ไม่มีแนวคิดรวม “ม.110-112”

วันที่ 24 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม กล่าวถึงการศึกษาของคณะกรรมาธิการ ว่า ในการสรุปรายงานของคณะกรรมาธิการนี้ เป็นรายงานการศึกษาว่าถ้าจะต้องทำกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องทำอย่างไร ไม่ใช่รายงานการพิจารณากฎหมาย ไม่ใช่การพิจารณาว่าจะมีหรือไม่มีมาตรา 112 และฟังดูจากที่ประชุมก็ออกมาทำนองเดียวกัน คือการไม่รวมมาตรานี้เข้าไปด้วย แต่ครั้งนี้ต้องย้ำว่าไม่ใช่วาระในการพิจารณาว่าจะมีหรือไม่มี

ส่วนจะมีการลงมติจากที่ประชุมสภาผู้แทนหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ ระบุว่า ร่างศึกษาดังกล่าวเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาการประชุมกรรมาธิการยืดยาวกว่า 19 ครั้ง ก็ไม่มีสมาชิกกรรมาธิการคนใดโต้แย้ง เบื้องต้นที่ประชุมจึงรับทราบในรายงาน ส่วนข้อสังเกตที่เกิดขึ้น นายชูศักดิ์ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยควรจะเห็นชอบในข้อสังเกตที่ตั้งขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะผิดข้อเท็จจริง

โดยนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษา กมธ. กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีนโยบาย หรือความคิดที่จะรวมมาตรา 110 และ 112 ไว้ในกฎหมายนิรโทษกรรม บางสื่อที่เสนอไปว่าจะมีการรวมนั้น ถือว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการโหวตเห็นชอบของพรรคร่วมรัฐบาล ควรจะเป็นไปตามคณะกรรมาธิการหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การโหวตเป็นไปตามเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ซึ่งตนก็ทราบว่าพรรคร่วมสีความเห็นออกมานานแล้ว ก็ไม่ได้ว่าอะไรกัน

...

ด้านนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำถึงการโหวตว่า การตั้งคณะกรรมาธิการอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 เพื่อศึกษาการตรากฎหมายนิรโทษกรรม เมื่อสรุปรายงานเสร็จสิ้น ก็สามารถรายงานให้สภาผู้แทนฯ ทราบ โดยไม่ต้องมีมติใด ๆ

แต่ถ้ามีข้อสังเกตเพิ่มเข้ามา ก็แยกออกเป็นสองส่วน คือ หากเป็นกฎหมายก็ต้องส่งให้รัฐบาลทราบ และควรปฏิบัติ แต่ถ้าเป็นกรณีทั่วไป ไม่จำเป็นต้องโหวต เพราะไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลที่จะมาตรากฎหมาย