หนาวสะท้านขึ้นมาทันที นิติสงครามยังหลอกหลอน

หลังศาลรัฐธรรมนูญตั้งแท่นพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ คำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของพุทธะอิสระ ที่ออกมาเคลื่อนไหวตามจังหวะโหมโรงแคมเปญ เริ่มต้นและจุดจบ “นายใหญ่” และ “รัฐบาลเพื่อไทย” ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เบื้องต้นศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือไปถามอัยการสูงสุดถึงเรื่องการดำเนินการตามคำร้องของนายธีรยุทธ รวบรวมพยานหลักฐานได้แค่ไหน โดยให้รายงานกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน

บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยที่เคยยักไหล่ไม่ให้ราคาผู้ร้อง และคำร้องนี้ถึงกับมีอาการสะดุ้งเฮือก

เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน กกต.ก็ชี้มูลตั้งแท่นสอบสวนคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม กรณีนายทักษิณที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ครอบงำ ชี้นำ โดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน 30 วัน

2 ดอกติดๆกัน แม้เป็นแค่การพิจารณาชั้นต้น ก็ใจคอไม่ดีแล้ว

เพราะประวัติศาสตร์บอกไว้ชัด องค์กรอิสระคือของแสลง ถ้าขึ้นเขียงเมื่อไหร่เพื่อไทยรอดยาก

น่าสนใจว่าประเด็นที่ กกต.ลุยสอบปม “นายใหญ่บ้านจันทร์” ครอบงำ สั่งการพรรคเพื่อไทยเรื่อยไปจนถึงพรรคร่วมรัฐบาล มันตรงกับหนึ่งในข้อหาตามคำร้องของนายธีรยุทธที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ

เหตุการณ์ ณ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เกิดขึ้นในคืนวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกฯ

แน่นอนแม้กระทั่งคนทั่วไปก็สันนิษฐานได้ว่าต้องไปหารือประเด็นการเมือง เรื่องประคับประคองรักษาอำนาจ หาคนเป็นนายกฯแทนอย่างรีบด่วน

...

เพราะตอนนั้น “ทีมงานบ้านป่า” กำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์ จึงหวาดระแวงเกมล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล ยื้อแย่งเก้าอี้นายกฯ ต้องนัดพรรคร่วมมาหารือ เช็กชื่อ ตรวจสถานการณ์กันด่วนจี๋เดี๋ยวนั้นเลย

ก่อนสรุปชื่อว่าที่นายกฯคนใหม่ทันที “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย

แต่เพียงชั่วข้ามคืนชื่อก็เปลี่ยนกลายเป็น “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนปัจจุบัน

นั่นก็ถูกมองว่าเป็นแผนสับขาหลอก ป้องกันข้อหาครอบงำ สั่งการ

แต่ก็อาจหนีไม่พ้นอยู่ดี เพราะแค่นั้นก็เข้าข่ายวลียอดฮิตมาตรฐานองค์กรอิสระ มีหลักฐานหรือพฤติการณ์ “อันควรเชื่อได้ว่า” เพื่อชี้มูลรับเรื่องแล้วสืบสวนข้อเท็จจริง ประจักษ์พยานต่อ

น่าสนใจว่าเงื่อนปมนี้เคยมีข่าวลือคลิปลับวงถก “นายใหญ่” กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า คืนวันที่ 14 ส.ค. ทั้งภาพทั้งเสียงแจ่มชัด

โดยตอนนั้นตัวแทนพรรคพลังประชารัฐยังไปร่วมวงด้วย ก่อนถูกดีดออกจากรัฐบาลหลังจากนั้นไม่กี่วัน

และเป็นเจ้าของคลิปที่ว่าเดิมทีความตั้งใจแรกคือไปอัดไว้ให้หัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคดูอย่างละเอียด กลัวจำไม่ได้เล่าไม่หมด

แต่พอเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ความหมายของคลิปก็เปลี่ยนกลายเป็นอาวุธลับ

แต่จะมีจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ “จุดเริ่มของจุดจบ” จะสมราคาคุยหรือไม่

จับจังหวะเหตุการณ์มันช่างล้อเข้ากันพอดิบพอดี ทั้ง กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนดูวงดนตรีออเคสตรา

แต่เป้าใหญ่หนึ่งเดียวของเครือข่ายนักร้อง คือ “นายใหญ่บ้านจันทร์” พร้อมองคาพยพ “เพื่อไทย”

พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆแค่ตัวประกอบ เป้าหลอก จับเป็นตัวประกันบีบเค้นสารภาพความจริง

สถานการณ์น่าหวาดเสียวแทน “เพื่อไทย” แกนนำรัฐบาล ที่กำลังอยู่ในช่วงเพลี่ยงพล้ำ ซวนเซ ออกอาการ

สูญเสียสถานภาพการนำ ผิดฟอร์มเด็ดขาดสไตล์ “นายใหญ่” กลายเป็นภูมิใจไทยที่แต้มต่อเยอะกว่า

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญดูริบหรี่เลือนราง ล่าสุดกฎหมายประชามติโดนเตะถ่วงไม่ทันเลือกพ่วงนายก อบจ.แล้ว

เบื้องลึกคือ “ภูมิใจไทย” ไม่ต้องการแก้ ซ้ำยังปกป้องด้วยกลไกของ สว. “เพื่อไทย” เลยทำอะไรไม่ได้

ปมนิรโทษกรรมก็โดนพรรคร่วมรุมยำ จนถอยแล้วถอยอีกศึกษามาเสียเวลาเปล่า

พรรคแกนนำบัญชาการ ขับเคลื่อนประเทศ เริ่มขยับไม่ออกมากขึ้นทุกที

“นายใหญ่บ้านจันทร์” รู้ดีไม่ได้มีแต้มต่อถือไพ่เหนือใครเหมือนในอดีต แถมยังมีน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เป็นตัวประกัน รวมทั้งลูกสาว “นายกฯอิ๊งค์” ที่ต้องคอยประคองป้องกันให้รอดปลอดภัย

แต่ถ้าออกอาการอมโรคอ่อนแอเกินไป ก็อาจถูกสะบั้นปิดดีลกลางทาง.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม