“พ.ต.อ.ทวี” โยนถาม “ภูมิธรรม” ปมออก พ.ร.ก.ต่ออายุความคดีตากใบ ยังไม่หมดหวังติดตามตัวผู้ต้องหา ยัน รัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือใคร ด้าน “นายกฯ อิ๊งค์” ปัดออกความเห็น


วันที่ 23 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ที่พระลานพระราชวังดุสิต ถึงข้อเสนอการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อขยายอายุความของคดีตากใบ ว่า เรื่องนี้ต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะการจะออกกฎหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีการศึกษาว่าทำได้หรือไม่

เมื่อถามว่าเวลาที่เหลืออีก 2 วัน ก่อนที่คดีตากใบจะหมดอายุความ จะสามารถออก พ.ร.ก. ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อายุความเป็นกฎหมาย แล้ว พ.ร.ก. จะใหญ่กว่ากฎหมายได้อย่างไร ต้องถามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายมั่นคง ผู้สื่อข่าวถามต่อ กรณีที่ พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 หวังจะมีปาฏิหาริย์ หมายความว่าอย่างไร พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า เมื่อเราตั้งใจทำงานอะไรด้วยความพยายามก็อาจจะประสบผลสำเร็จได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีสัญญาณอะไร เพียงแค่รับทราบจากฝ่ายสืบสวนว่ามีการไปพิสูจน์ทราบถึงที่อยู่แล้วแต่ยังไม่พบตัว ตอนนี้ยังไม่ได้หมดหวัง ยังมีเวลา ต้องให้เขาทำงานอย่างเต็มที่

...

ทางด้านคำถามว่ากังวลจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติ ในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า อย่าเพิ่งกังวลเรื่องฐานเสียง เราต้องกังวลเรื่องความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม สำหรับญาติผู้เสียหาย การเยียวยาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่เขาต้องการคือไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ในการรื้อฟื้นคดีก่อนขาดอายุความก็มีการมาเริ่มเอาในปีสุดท้ายคือช่วงเดือนมกราคม 2567 ความพยายามของกระบวนการยุติธรรมก็ทำไปจนกระทั่งมีหมายจับ ในนามของผู้ปฏิบัติก็มีความกังวลด้วยอายุความที่เหลือน้อย

ส่วนการหลบหนีก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเห็นช่องว่างของอายุความที่ใกล้หมด ซึ่งมีหลายกรณีที่หลบหนีไปจนคดีหมดอายุความ จึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และหากคดีดำเนินไปจนหมดอายุความ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้รับรู้ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าญาติของผู้เสียหายเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปทำร้ายผู้ต้องหา เพียงแค่ต้องการความเป็นธรรมให้ผู้ที่สูญเสีย

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อไปว่า คดีตากใบผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลนี้มีความรับผิดชอบด้วยซ้ำที่ไม่อยากให้คดีนี้ขาดอายุความ จึงได้รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราไม่สามารถไปแทรกแซงศาลและอัยการได้ โดยในมุมของประชาชนที่ฟ้องร้องคดีก็จะมีความภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเคยออกหมายจับอดีตแม่ทัพได้ เพราะที่ผ่านมาญาติพี่น้องผู้สูญเสียเคยถูกออกหมายจับอย่างเดียว แต่วันนี้เขาคืนความเป็นธรรมด้วยการทำให้กระบวนการยุติธรรมออกหมายจับฝ่ายราชการได้

ทั้งนี้ หากมีช่องทางใดที่รัฐบาลสามารถทำได้ก็จะทำ รวมถึงข้อเสนอที่ให้ออก พ.ร.ก. ซึ่งก็ได้ศึกษาและพบว่าหากจะออก พ.ร.ก. จะยืดอายุความแค่ 8 คน หรือทั้ง 4,000 คน หรือผู้ที่ไม่ออกหมายจับอีกเป็นแสนคน จึงอาจถูกมองว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ แต่หากรัฐบาลทำได้ก็อยากทำ

สำหรับประเด็นที่อาจจะมีผู้ต้องหาหลบหนีไป สปป.ลาว นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า การตามจับผู้ต้องหาในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เช่น กรณีของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ที่กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยสนับสนุนข้อมูล แต่ในกรณีของคดีตากใบ ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาควรนำตัวมาให้

เมื่อถามว่าทางภาคประชาสังคมอาจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนต้องขอชื่นชมประชาชนทุกภาคส่วน เพราะเรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ รัฐบาลไม่มีความกังวลแต่อย่างใดเพราะไม่ได้ช่วยเหลือใคร และไม่มีอคติในการช่วยเหลือใคร อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเรายึดหลักว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเป้าหมายหลักสุดท้าย

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงข้อเสนอให้รัฐบาลออก พ.ร.ก. ต่ออายุคดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567