ปฏิบัติการ “หนุมานถล่มกรุงดิ ไอคอน รวบกลางวงเทวดา” ฉากบู๊ล้างผลาญเร้าใจคนดูทางบ้าน ติดตามทีม CIB ตำรวจสอบสวนกลาง
ไล่ล้างกระดาน “แก๊งอาชญากรแชร์ลูกโซ่ยุคดิจิทัล”
ประเคนข้อหาหนัก ฟอกเงิน อั้งยี่ ซ่องโจร แจ้งเพิ่มฐานความผิด “บอสนักโทษ” ถึงในเรือนจำ ไล่ล่าผู้ต้องหาลอต 2 ลอต 3 ตามพยานหลักฐานเชื่อมโยง
ยุทธการไล่จับ “ก๊วนโกงแห่งชาติ” กำลังบุกเข้าประชิด “เส้นทางลับ” แกะรอยนักตบทรัพย์ นักร้องอาชีพ เหล่าสมุน “บอสไอ้โม่ง” ที่แฝงเป็น “มาเฟีย” อำนาจการเมืองหากินกับธุรกิจสีเทา
ศึก “เขย่าเทวดา” สะท้านเทพารักษ์ สะเทือนบ้านป่าฯ
โดยสถานการณ์เชิงกระแสที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ในจังหวะต้องถอยร่นจนสุดกระดาน
แม่ทัพทหารเฒ่า 3 ป. โดนรุกไล่กลับอย่างหนัก ตามสภาพการณ์แนวรบ “นิติสงคราม” สนามเก่งของนักรบบ้านป่าฯน่าจะลดดีกรีลงตามพลัง “บิ๊กบราเธอร์” ที่เขี้ยวงาเริ่มหัก แต่ไหงกลายเป็นตรงกันข้าม
ตามปรากฏการณ์เขย่า “เทพเซียนจันทร์ส่องหล้า”
เมื่อ “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริง
กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วยพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ชาติพัฒนา จากเหตุที่ปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค ชี้นำ ยินยอมให้ “บอสใหญ่” ครอบงำ
...
โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.เห็นว่า “คำร้องมีมูล”
กระตุ้นต่อมผวาทีมรัฐบาล อาการ “ปากกล้าขาสั่น” ไปตามๆกัน
ตามรูปคดีชัดๆ การันตีคำร้องทั้ง 6 สำนวนที่ยื่นต่อ กกต.กล่าวโทษ “เถ้าแก่ใหญ่” พรรคเพื่อไทย พฤติการณ์ผู้ครอบครอง-ผู้ครอบงำ น้ำหนักไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะ “บุคคลนิรนาม” ที่ถึงนาทีนี้ก็ยังเป็นปริศนา ทำไม กกต.ไม่เปิดชื่อ
ถือเป็น “สารตั้งต้น” ในการพิจารณา โดยจังหวะเก็บกู้กับดัก ล็อกเสือตกหลุมพรางกันตั้งแต่วันจัดตั้ง รัฐบาลช็อต 2 และนั่นก็น่าจะผูกโยงกับ “คลิปลับ” ทีเด็ดของ “คนบ้านป่าฯ”
ผูกกับตัวละครสำคัญคือนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่มุดเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในฐานะตัวแทนของ พล.อ.ประวิตร ต้องเก็บข้อมูลรายละเอียดในวงเจรจาไปรายงานหัวหน้าพรรค
น่าจะมีอยู่ในสำนวนฟ้องยุบพรรคที่ กกต.การันตี “มีมูล”
ภาพข่าวชัด สังคมเข้าใจตรงกัน ณ จุดที่ผู้ถูกร้องอย่างทีมเพื่อไทยแก้ต่างได้แค่ว่า ช็อตแรกที่วงตกลงบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เสียบแทนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่หลุดเก้าอี้ แต่สุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลโหวตชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้นำของ “นายใหญ่”
อาศัยเทคนิค เหลี่ยมแก้ต่างแบบง่ายๆในการหักล้างข้อหาครอบงำ สลัดชิ่งเหตุเกิดในคฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
มาตรฐานทีมกฎหมายเพื่อไทยที่เพลี่ยงพล้ำนิติสงครามเป็นส่วนใหญ่
อารมณ์แบบที่ทีม “นายใหญ่” เริ่มป่าวร้อง อ้างคำร้องยุบพรรคของ กกต.กระทบรัฐบาลเพื่อไทยที่กำลังเดินหน้าฟื้นวิกฤติปากท้อง รีบโยงคดีการเมืองกับภารกิจบริหารเศรษฐกิจ
ในสภาพการณ์ที่สหรัฐอเมริกา จีน สัญญาณโลกฟื้นตัว เพื่อนบ้านอาเซียน เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีดีพีพุ่งสูงตามๆกัน มาเลเซียจ่อยกระดับเป็นประเทศร่ำรวย
แต่ไทยยังไร้วี่แวว ติดปมความเชื่อมั่นรัฐบาล เครดิตทีมบริหาร
ตามอาการแบบที่ต้องลุยแหกด่าน พึ่งเมกะโปรเจกต์ ปั๊มหัวใจเศรษฐกิจแบบโลดโผนโจนทะยาน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บ่อนพนันเสรี เร่งเดินหน้าเจาะพลังงานในทะเลพื้นที่ ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
สารพัดคิวงานเรียกแขกม็อบ ฝ่าแนวต้านระบอบทักษิณ
โจทย์เศรษฐกิจ การเมืองยุบพรรค แก๊งธุรกิจสีเทา โยงกันอีนุงตุงนัง.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม