“ณัฐพงษ์” ขอรัฐบาลควรทบทวนรอบคอบ ก่อนเก็บค่าธรรมเนียมรถติด มองว่าไม่เป็นธรรมกับประชาชน เนื่องจากไม่สามารถเดินทางจากหน้าบ้านไปถึงรถไฟฟ้าได้ แนะแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญกว่า

วันที่ 21 ตุลาคม 2567 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ฃส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ประเด็นค่าธรรมเนียมรถติดที่รัฐบาลเตรียมจัดเก็บในพื้นที่ กทม. เช่น สีลม สุขุมวิท เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนสำหรับซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า ว่าไม่ได้คัดค้านในหลักการภาพรวม และมองว่าสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ที่มาตั้งกองทุนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถาม

ทั้งนี้ มองว่าปัญหาหลักในตอนนี้คือเรื่องระบบขนส่งสาธารณะจากหน้าบ้านไปจนถึงขนส่งสายหลักหรือรถไฟฟ้ามากกว่า หากวันนี้รัฐบาลเร่งเก็บค่าธรรมเนียมรถติดเพื่อไปซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน มองว่าจะไม่เป็นธรรมกับประชาชน เพราะไม่สามารถเดินทางจากหน้าบ้านไปถึงรถไฟฟ้าได้ สิ่งที่สำคัญกว่าจึงเป็นการจัดสรรงบอุดหนุนไปยังฟีดเดอร์ (Feeder) หรือเส้นเลือดฝอย ส่วนอนาคตจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปก็ทำได้ พร้อมย้ำว่าไม่ได้ค้านในเชิงหลักการ แต่ที่ยังไม่อยากบอกว่าเห็นด้วยนั้นเป็นเพราะบริบทต่างๆ ยังไม่พร้อม อยากให้รัฐบาลกลับมาทบทวนให้มีความรอบคอบก่อนจะดำเนินการต่อไป

นายณัฐพงษ์ยังระบุต่อไปด้วยว่า การเก็บค่าธรรมเนียมรถติดเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่กระตุ้นให้ประชาชนเข้ามาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น แต่ในภาพรวมทั้งระบบ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นกลไกที่สำคัญของรัฐ แต่ยังไม่เห็นการเอาจริงในเรื่องนี้ เช่น พ.ร.บ.ขนส่งทางบก ที่พรรคประชาชนเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นทุกจังหวัดสามารถจัดทำสายรถเมล์เส้นเลือดฝอยได้ แต่รัฐบาลก็คว่ำร่างไป มองว่ามีความจำเป็นมากกว่าในวันนี้ ก่อนจะไปสู่การพิจารณาเรื่องค่าธรรมเนียมรถติดในอนาคตได้

...

“หากรัฐบาลเร่งดำเนินการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด โดยไม่กลับมาแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยก่อน พรรคประชาชนจึงขอตั้งคำถามว่าเป็นการออกนโยบายเพื่อเอื้อกลุ่มทุนใดอีกหรือไม่”

ส่วนคำถามในประเด็นเงินกองทุนควรนำไปใช้ซื้อสัมปทานสายสีอะไรก่อนนั้น นายณัฐพงษ์มองว่าเป็นปัญหาการให้สัมปทานในอดีตมากกว่า และปัญหาขนส่งสาธารณะในไทยคือค่าโดยสารร่วมที่เสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน ประกอบกับการต่ออายุสัมปทานไปเรื่อยๆ ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า หากใกล้จะสิ้นอายุสัมปทาน รัฐบาลที่ดีไม่ควรหาข้ออ้างมาต่ออายุต่อไปเรื่อยๆ เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการนำระบบขนส่งทั้งหมดเข้ามาอยู่รวมกัน.