ณ จุดที่กระแสเมืองไทยตะลึงจังงังอยู่กับคดี “ดิ ไอคอน”

สายตาคนทั้งบ้านทั้งเมืองจับจ้องอยู่ที่ยุทธการ “ล้มกระดาน” อาณาจักรธุรกิจขายตรงเจ้าใหญ่ที่ก้ำกึ่ง “แชร์ลูกโซ่” คาบลูกคาบดอกหลอกลวงประชาชน

ตะลึง ช็อก เซอร์ไพรส์ แต่นั่นไม่เท่ากับจุดน่าหวั่นวิตก

เมื่อปรากฏการณ์ “ดิ ไอคอน” มันสะท้อนภาพสีเทาดำที่ปกคลุมประเทศไทย กลายเป็นดินแดนของ “อาชญากรทางเศรษฐกิจ” ขุมข่ายธุรกิจผิดกฎหมายแฝงอยู่ในทุกวงการ

สร้างความเสียหาย ทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง

สภาพย้อนแย้ง คนจนดักดาน รัฐบาลต้องแจกเงินประคองปากท้อง แต่เงินไปกองอยู่กับกลุ่มคนที่ไร้ความละอาย ไม่รู้จักพอ รวมหัวขบวนการใหญ่ อาศัยสถานะที่ได้เปรียบทางสังคม ใช้ความดังโหนพลังอำนาจระบบเส้นสาย

เลี่ยงกฎหมาย ฉ้อโกงชาวบ้านตาดำๆ กอบโกยเงินเป็นล่ำเป็นสัน

นับตัวเลขมหาศาลหลักหมื่นล้าน แสนล้าน หลักฐานเชิงประจักษ์ ตอนจบหักมุม ถึงจุดกรรมไล่ล่า สภาพไม่ต่างจาก “ถังส้วมโดนระเบิดซีโฟร์” เศษขี้เหม็นกระเด็นกระจาย

ประจานตัวการใหญ่ระดับ “ตัวเอ้” ของวงการ เอี่ยวโยง “บอสดารา” ที่อยู่ในข่ายผู้บริหารมีส่วนได้เสีย ชิ่งไม่ออก ไม่เว้นพระสงฆ์ชื่อดังที่เคยเชียร์ออกนอกหน้า ร่วมขบวนแห่ความรวย ก็ส่อโดนติดกัณฑ์เทศน์ด้วยคดี

สถานการณ์ถึงจุด “18 บอส” ดิ ไอคอน ที่มีพฤติการณ์หลอกลวง ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

โดนตำรวจออกหมายจับ ลากตัวเข้าห้องขังเป็นพรวน

คอตกเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นทีม เนื่องจากศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเหล่าบรรดาบอส ดิ ไอคอน เนื่องจากทำเป็นขบวนการ มีผู้เสียหายจำนวนมาก เกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน หลักฐาน

...

ต้องเปลี่ยนที่นอนจากคฤหาสน์แสนหรูไปอุดอู้อยู่ในคุก

แนวโน้มน่าจะมีการไล่เบี้ย ไล่สอบกันอีกยกใหญ่ ตามการยกระดับเป็น “คดีแห่งชาติ” ผู้เสียหายกระจายไปทั่วประเทศ รวมถึงต่างชาติ

มีทั้งดารา พระ ข้าราชการที่พัวพันขบวนการ และไม่พลาดเอี่ยวไปถึงนักการเมือง

ตามท้องเรื่องพาดโยงไปถึง “เทวดา” ตัวละครลับๆล่อๆอยู่ฉากหลัง เส้นทางที่มีการแกะรอย “คลิปลับ” ที่บอสใหญ่ ดิ ไอคอน รับสารภาพเป็นเสียงตัวเอง เจรจากับคนของพรรคการเมืองใหญ่

จ่ายค่าคุ้มครอง อารักขาธุรกิจคาบลูกคาบดอกไม่ให้ติดด่านเจ้าหน้าที่รัฐ

พูดกันชัดๆแบบที่สามารถโยกย้ายข้าราชการเป็นสมุนคอยรับใช้ อำนาจเงินธุรกิจสีเทาเสกได้ดังใจนึก

สายสืบโซเชียลฯ คนในวงการเมืองนึกออกตั้งแต่แรกที่ได้ยินเสียง

มันเป็น “คลิปที่สามารถตรวจสอบได้” เพียงแต่ในทางกฎหมายต้องใช้เวลา กระบวนการทางเทคโนโลยีในการพิสูจน์

พูดชื่อกันตรงๆไม่ได้ แต่จับกระแส ไล่ไทม์ไลน์ตามทิศทางข่าว นายสามารถ เจนชัย จิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนแรกๆที่ต้องออกมาบอก ปัดไม่ใช่เสียงตัวเอง

ขู่ไล่ฟ้องดะ หากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

อาการเด้งเชือกไม่ออก เบี่ยงตัวหลบไม่พลิ้วเหมือนจังหวะที่นายสามารถโบ้ย “คลิปเสียงไอ้โอ๋” เป็น “เอไอ ตัดต่อ” ให้ร้าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ

ตัดจบกันไม่ทัน เพราะโดนกระแสรุกเร็ว ไล่เข้ามุมอับ

ตามรูปการณ์แบบที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน บุกเข้าถึงที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร ให้ตรวจสอบคลิปเสียงเกี่ยวกับบอส ดิ ไอคอน

ใช่ “นาย ส.”สมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

แห่ขบวนรถทัวร์ ไล่ชี้เป้า ล็อกจุดโฟกัสกันชัดๆแบบที่ “บิ๊กป้อม” ไม่อาจใช้มุก “ไม่รู้ ไม่รู้” เลี่ยงตอบนักข่าว แต่ยืนยันสั้นๆไม่กังวล บอกให้ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนชี้แจงปมร้อน เศษขี้เหม็นๆจาก “ระเบิดส้วม ดิ ไอคอน” กระเด็นกระดอน กลิ่นโฉ่ถึง “บ้านป่า”

พร้อมๆกับคำสั่งหัวหน้าพรรคให้นายสามารถพ้นจากตำแหน่งรองโฆษก พปชร.

ท่ามกลางปริศนา “เทวดา” รับเครื่องเซ่นไหว้เป็นเงิน “คริปโต” สกุลเงินดิจิทัลหลักหมื่นล้าน

ตามข้อมูลที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย อ้าง “สายลับ” คนใกล้ตัวบอส ดิ ไอคอน คายข้อมูลทีเด็ด ต้องแลกเงินสดผ่านแก๊งจีนเทา แปลงเป็น USTD จ่ายส่วยผู้ใหญ่ระดับสูงในวงอำนาจการเมืองตั้งแต่ปี 2563 กระจายดูแลหน่วยงาน ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตำรวจ ฯลฯ

อารักขาธุรกิจสีเทา ขบวนการหลอกต้มชาวบ้าน

ปะติดปะต่อฉากเหมือนหนังใกล้จบ ผู้ร้ายโดนแฉลากไส้ทั้งขบวนการ

หมายเหตุ ยังอยู่ในขั้นแค่มโนตามได้ แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อทั้งหมด เพราะเสี่ยงพลาดหลงเหลี่ยม “พ่อมด” ดิ ไอคอน ลีลาแพรวพราว เล่ห์ร้ายไม่ธรรมดา ปม “เทวดา” รับเครื่องเซ่นหมื่นล้าน อาจเป็นแค่เกมเขี้ยวเบี่ยงคดีไปที่นักการเมือง

ฉวยโยงต่อเนื่องกับ “คลิปตบทรัพย์” พรางน้ำหนักขบวนการโกงแชร์ลูกโซ่

แต่แค่ที่ฉาวโฉ่ ณ จุดนี้ เศษขี้เหม็นจาก “ระเบิดส้วม ดิ ไอคอน” กระเด็นโชย “บ้านป่า” ก็เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด “บิ๊กป้อม” ที่กำลังอยู่ในสภาพโดนต้อนจนเกือบสุดกระดาน

เหมือนมวยเมาหมัด บอบช้ำ โดนต่อยตรงไหนเป็นยุบ ผวาไปหมด

เซแซดๆใกล้หมดสภาพในเกมการต่อสู้

แนวรบ “บ้านป่า” อ่อนล้า อ่อนกำลัง แต่โดยจังหวะก็ไม่ได้เข้าทางคู่อาฆาตอย่างพรรคเพื่อไทย ทีมจันทร์ส่องหล้าจะไล่ตามซ้ำ

ได้ทีเช็กบิลทบต้นทบดอก เอาคืนโจทก์ทางการเมือง

ตามฉากคนละเรื่องเดียวกัน “ระเบิดส้วม ดิ ไอคอน” ที่ไฟลามล้อม “บ้านป่า” เข้ามุมอับ แต่จับกระแสความเชื่อมั่น ความไว้วางใจของสังคม มันตกไปอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

แบบที่ทีมทนายอาสา เครือข่าย ผู้เสียหาย การันตีชื่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.จะไล่บี้ไล่จัดการขบวนการ ดิ ไอคอน จนสุดปลายทาง

ไม่มีการกั๊ก ไม่มีเหลี่ยมยักของกลาง ไว้วางใจได้มาก กว่าฝ่ายการเมืองที่จะใช้ดาบ “ดีเอสไอ” เข้ามายุ่มย่าม ขุมทรัพย์ ธุรกิจสีเทา

เอาเป็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำได้แค่คุมเชิง ดูตำรวจไล่เคลียร์

ลุ้น “ยุทธการสอยเทวดา” จะไปจบตรงไหน ในสภาพที่ผู้นำอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เองก็ยังตกอยู่ในห้วงวิบาก โดนปักชนักสารพัดคดีอยู่ในสมรภูมิ “นิติสงคราม”

สภาพขยับเขยื้อนลำบาก ตกอยู่ในวงล้อมของพรรคร่วมรัฐบาล

สถานการณ์แบบที่ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย แย่งกันตะโกนแข่งกับค่ายรวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ป่าวประกาศดังๆ

แสดงตัวเป็นองครักษ์ กองกำลังพิทักษ์ มาตรา 112

ไม่เอาด้วยกับการ “นิรโทษกรรม” เหมาเข่ง ปล่อยผู้ต้องขังคดีหมิ่นสถาบัน ไปยันความพยายามสกัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รื้อค่ายกล “ซือแป๋มีชัย” จ้องล็อกกลอนประตูประชามติ 3–4 ชั้น

ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา แสดงความเป็นเจ้าสัมปทานดั้งเดิมของ “ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม”

บีบ “ข้าวนอกนา” อย่างเพื่อไทยตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

กลับตัวไม่ได้ ไปต่อไม่ถึง อาการล่าสุด แบบที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา โควตาพรรคเพื่อไทย ทำอะไรไม่ถูก ต้องกดปุ่มปิดประชุมหนีพรรคประชาชนที่ไล่บี้ปมร้อน “นิรโทษกรรม” กันดื้อๆ

ยื้อเผือกร้อนออกไป ในสภาพผู้เสียหายสุด หนีไม่พ้นทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ที่หาเสียงไว้เต็มปากเต็มคำ ทั้งรื้อรัฐธรรมนูญ ล้างอำนาจทหาร คสช. ช่วยเหลือนักโทษเหยื่อความขัดแย้งการเมือง

มาถึงตรงนี้ ยังไม่เห็นเค้าเป็นรูปเป็นร่าง

ทำเพื่อไทยเสียรังวัด ขยับขับเคลื่อนไม่ออก.

“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม