เพราะปัจจัยแวดล้อมกำหนด ต้องดึงจังหวะ ลดอัตราเร่งในคิวบริหารอำนาจบริหาร การเมืองทำให้รัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยชั่วโมงนี้ ไม่จี๊ดจ๊าดฉูดฉาด ขับเคลื่อนกันเนือยๆ

ทั้งในฟากนิติบัญญัติ ค่ายเพื่อไทยไวต่อสัญญาณ ผ่อนคันเร่งตั้งแต่ล้มแผนแก้รัฐธรรมนูญ บุกๆถอยๆ ก.ม.ประชามติ ล่าสุดคิวนิรโทษกรรมต้องชะลอไว้

แม้กระทั่งในฝ่ายบริหาร นโยบายหลักๆของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องพลิกรูปแบบมาเป็นอัดฉีดเงินหมื่นไประลอกแรก ส่วน “เรือธง” อื่นๆก็ต้องเกลี่ยไปตามดีล “แชร์ดุล” จนเป็น “เรือเกลือ”

ที่พอเห็นจะเข็นไปได้ คืองานแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สำหรับ “นายกฯอิ๊งค์” ประเดิมได้ดีทั้งบริหารวิกฤติฉุกเฉิน “เอาอยู่” แม้ตึงมือผู้นำหน้าใหม่

เพียงแต่เวลานี้ที่น่าจะเป็นคิวสำคัญ ท้าทายฝีมือผู้นำหญิงแบบเลี่ยงไม่ได้ ไม่พ้นปมร้อนๆ “ดิไอคอนกรุ๊ป” บริษัทใหญ่เครือข่าย “ธุรกิจขายตรง” ซ่อนพรางรูปแบบ “แชร์ลูกโซ่” หลอกลวงฉ้อโกงชาวบ้าน

มองผ่านๆก็คิดได้ว่าเป็นเรื่อง “ไกลตัว” ของนายกฯและรัฐบาล ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จัดการตามหน้าที่ คุมตัวผู้บริหาร ผู้บงการ เครือข่าย “บอสดารา” พิธีกรคนดัง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

แต่ถ้าตั้งใจดูจริงๆ คิวนี้ไม่ได้ไกลมือ “ผู้มีอำนาจ” แต่อย่างใด

ต้องจัดการเร่งด่วน เพราะนอกจากเกิดความเสียหายกับประชาชน รายละเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านบาทแล้ว เรื่องชักลามไปทั่ว นักร้อง นักแฉ เพจสำนักต่างๆ ไปจนกลุ่มทนายความ เปิดโปงพาดพิงสารพัดวงการ ทั้งธุรกิจ บันเทิง ดารานักแสดง ไปจนกระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า

...

รวมทั้งมีแรงกระแทกถึงนักการเมืองในสภาฯ คณะกรรมาธิการฯ จนถึงหน่วยงานราชการต่างๆ

ข้อกล่าวหาแรงจัดมาเป็นรายวัน ประเภทมีนายหน้ารีดทรัพย์ ตบทรัพย์ รับสินบนของเซ่นไหว้โยงไปถึงตัวใหญ่ “เทวดา” ระดับบิ๊กเหนือรัฐมนตรี รวมทั้งที่ชี้เป้าผู้มีอำนาจตำแหน่งใหญ่ในแต่ละหน่วยงาน

ถ้าปล่อยให้แฉสนุกปาก จริง-ไม่จริงปนๆกันแบบนี้ ก็ทำปั่นป่วน

กระทบ “ความน่าเชื่อถือ” ไปทั้งอำนาจรัฐ กลไกราชการ

รัฐบาลจะไม่เป็นเจ้าภาพสะสางให้ชัดก็คงไม่ได้

วันนี้เลยนั่งกันไม่ติด ทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตำรวจหน่วยงานดูแลเรื่องที่เกี่ยวข้อง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง ฯลฯ

ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ไม่ใช่รอเรื่องซาๆลง ก็กวาดขยะซุกใต้พรมเหมือนเคย

และแน่นอน ในฐานะผู้นำ “นายกฯอิ๊งค์” คงต้องกระตุกสั่งการจริงจังกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ รมต.

ดีอีเอส รมต.ยุติธรรม รวมทั้งนายกฯในฐานะประธาน ก.ตร.ก็ต้องแอ็กชันเต็มแรง

แม้กระทั่ง “รองฯหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ต้นสังกัดของหนึ่งในผู้ที่เปิดโปงข้อมูลเผ็ดมัน และน่าตกใจ

เมื่อรับรู้แล้ว รองนายกฯทำอะไรได้บ้าง

ไม่เท่านั้น ที่เริ่มสะท้อนปัญหา การควบคุมดูแลจัดการธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ขายตรง ชักจะออกแนว เดินกันไปคนละทิศละทาง มีคำถามถึงการปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายย่อหย่อนหรือไม่ หรือต้องปรับรื้อยกเครื่องกันใหม่

ทั้งกฎหมายกำกับดูแล การออกใบอนุญาต “ธุรกิจขายตรง–การทำการตลาดแบบตรง” ของ สคบ. โดยวันนี้มีบริษัทจดทะเบียนกว่า 2 พันแห่ง และอีกหลายแห่งมีลักษณะธุรกิจก้ำกึ่งเช่นเดียวกันนี้

หรือ “พ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ภายใต้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เวลานี้ บิ๊กกระทรวงการคลังเริ่มอิดออด ชงแก้กติกาโยนภารกิจไปหน่วยงานอื่น อ้างเพื่อสะดวกบริการประชาชน

แต่อีกทางก็สะท้อน ที่ผ่านๆมา “เกียร์ว่าง” ได้เหมือนกัน

นั่นยังไม่รวมการทำงานซ้ำซ้อน เริ่มประสานงามากกว่าประสานงานหน่วยงานทางข้อกฎหมาย

จึงน่าจะถึงเวลาสังคายนาใหญ่ ขันนอตยกเครื่อง ไม่ให้ปัญหาฉ้อโกงต้มตุ๋นชาวบ้านวนกลับมาซ้ำซากอีก

ดังนั้นรายการนี้จึงต้องจับตา สะท้อนทั้งภาพรวมประสิทธิภาพการบริหารประเทศ พิสูจน์ภาวะการนำของนายกฯ วัดฝีมือรัฐบาล

จะล้างบางปัญหาฉ้อโกงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้หรือไม่.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม